‘กู้สินเชื่อบ้านด้วยบัตรเครดิต’ ทำยังไงให้กู้ผ่านฉลุย!
ปัญหาหนึ่งของผู้กู้บ้านที่พบเจอกันอยู่บ่อย ๆ คือ การกู้ซื้อบ้านไม่ผ่านเพราะบัตรเครดิต ซึ่งธนาคารก็มักจะใช้บัตรเครดิตเป็นเงื่อนไขนึงในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้กู้บ้านเสมอ ไม่ว่าบัตรเครดิตเรายังถูกใช้งานอยู่หรือยกเลิกไปแล้วก็ตาม และประวัติการชำระทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ในเครดิตบูโรนั่นเอง มีข้อมูลที่สามารถบอกได้ว่าผู้ต้องการกู้บ้านคนนี้มีประวัติทางการเงินดีหรือไม่
ดังนั้นสำหรับทุกคนที่มีแผนจะขอสินเชื่อบ้านในเร็ว ๆ นี้ ก็คงถึงเวลาแล้วที่จะต้องบริหารจัดการบัตรเครดิตที่มีอยู่ในมือให้ดี มีประวัติสวย พร้อมสำหรับการกู้ซื้อบ้าน บทความนี้ PropertyScout จะพาไปดูเทคนิคต่าง ๆ ในการใช้บัตรเครดิต เพื่อให้สามารถ 'กู้ซื้อบ้าน' ให้ผ่านได้ง่ายขึ้น
พฤติกรรมการใช้บัตรเครดิต มีผลต่อการขอกู้สินเชื่อบ้านอย่างไร?
การค้างชำระบัตรเครดิตบ่อย ๆ หรือมีประวัติการเงินที่ไม่ดี ก็จะส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่อเป็นอย่างมาก เนื่องจากธนาคารจะมองว่าเราไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้อย่างมีวินัย ในทางกลับกันถ้าหากเราสามารถใช้บัตรเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยทำให้เรามีเครดิตที่ดี เพราะในสายตาธนาคารเราคือผู้ที่มีวินัยทางการเงิน และส่งผลให้ดราขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้นนั้นเอง
เทคนิคการใช้บัตรเครดิตที่ช่วยให้ขอกู้สินเชื่อบ้านผ่าน
สำหรับใครที่คิดจะขอสินเชื่อบ้าน แต่ยังกลัวการใช้งานบัตรเครดิต PropertyScout ก็มีวิธีการใช้บัตรเครดิตที่ช่วยให้ธนาคารไหน ๆ ก็อยากปล่อยสินเชื่อให้มาฝากกัน
- ประเมินความสามารถในการผ่อนให้ดี
หากเราไม่ทำการประเมินความสามารถในการผ่อนไว้ และใช้จ่ายจนเกินตัว หรือเรียกได้ว่า รูดจนเต็มวงเงินแบบเดือนชนเดือน เมื่อนำหนี้บ้านหรือหนี้ส่วนอื่นมาคำนวณรวมกันแล้วมีเกินกว่า 40% ของรายได้ต่อเดือนเข้าไปอีก ก็จะยิ่งทำให้ธนาคารมองว่าเรามีภาระหนี้ที่มากเกินไป อาจทำให้การกู้ซื้อบ้านผ่านได้ยากมากขึ้นไปอีก
- ใช้เท่าที่จ่ายไหวและคืนเต็มจำนวน
การใช้บัตรเครดิตที่ดีไม่ควรที่จะใช้จนเต็มวงเงิน แต่ควรที่จะใช้เท่าที่จะจ่ายไหว และโฟกัสไปที่การคืนเต็มจำนวนมากกว่าการจ่ายแค่ขั้นต่ำ ซึ่งการคืนตามจำนวนและไม่เกินกำหนดเวลาจ่ายก็จะส่งผลให้ประวัติการเงินของเราดีโดยไม่ต้องติดตามทวงถาม แถมประวัติการเงินที่ดีส่วนนี้จะถูกบันทึกไว้ที่ เครดิตบูโร ซึ่งจะส่งผลดีกับตัวเราเมื่อเราต้องทำการขอสินเชื่อบ้านอีกด้วย
- พยายามเลี่ยงการกดเงินสดออกจากบัตร
เพราะการกดเงินสดนั้นมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยแสนแพง ดังนั้น เราไม่ควรมองว่าบัตรเครดิตเป็นแหล่งเงินกู้ แต่เป็นบัตรที่ใช้จ่ายแทนเงินสดเท่านั้น และถ้าหากเรากดบ่อย แถมยังไม่สามารถคืนหนี้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ธนาคารก็จะมองว่าถ้าเพิ่มหนี้บ้านเข้าไปก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ทางการเงินของผู้กู้บ้านแย่ลงยิ่งกว่าเดิม ซึ่งไม่เหมาะสมต่อการปล่อยให้กู้ซื้อบ้านเป็นอย่างยิ่ง
- การซื้อของแบบผ่อน อย่าทำจนติดเป็นนิสัย
สำหรับขาชอปนาจะเป็นบ่อยกับการใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้า เพราะถ้าหากเผลอค้างชำระหนี้บัตรเครดิตไว้และขึ้นประวัติในเครดิตบูโร ก็มีโอกาสทำให้รายได้ที่ใช้สำหรับประเมินความสามารถในการผ่อนของผู้กู้บ้านน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากธนาคารต้องนำภาระการผ่อนบัตรเครดิตไปหักกับรายได้ของผู้กู้บ้านนั่นเอง
- ปิดบัตรเครดิตที่ไม่จำเป็นและไม่ได้ใช้
การมีบัตรเครดิตหลายใบ เท่ากับเพิ่มโอกาสให้เราใช้จ่ายเกินตัวหรือสร้างหนี้ก้อนใหญ่เพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้ธนาคารเห็นว่า ผู้กู้บ้านมีบัตรเครดิตไว้ใช้จ่ายแต่พอดี และไม่มีโอกาสสร้างหนี้ก้อนโตมาแข่งกับหนี้บ้าน
- ชำระหนี้บัตรก่อนเริ่มกู้
ประเด็นสุดท้ายที่ทำให้หลายคนพลาดท่ายื่นกู้บ้านไม่ผ่าน คือเรื่องของหนี้สินบัตรเครดิต หากยังมียอดค้างอยู่ ธนาคารจะมองว่าผู้กู้ยังไม่มีความสามารถพอในการผ่อน รวมถึงวินัยในการใช้เงินที่ใช้จ่ายเกินตัวจนไม่สามารถชำระหนี้สินก้อนนี้ได้ จนทำให้ยื่นกู้บ้านไม่ผ่าน และการขอกู้อีกครั้งอาจต้องเว้นช่วงสักพักใหญ่ (เวลาขึ้นอยู่กับธนาคาร) ดังนั้นก่อนยื่นกู้บ้าน ควรชำระหนี้บัตรเครดิตให้หมดก่อน
เทคนิคปิดหนี้บัตรเครดิต ช่วยให้ขอกู้สินเชื่อบ้านได้สะดวก
- ทำการสำรวจหนี้
เคล็ดลับหรือวิธีปลดหนี้บัตรตัวเอง ข้อแรกเลยคือ คุณจะต้องทำการสำรวจหนี้ระยะสั้นที่ใช้อยู่ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นขนาดของภาระที่แท้จริงว่ามีขนาดใหญ่แค่ไหน และเพื่อเป็นการเตือนความจำ ควรจะจัดทำออกมาเป็นตารางหรือเขียนสรุปออกมาให้เห็นชัดเจน เพื่อที่จะจัดสรรหนี้ให้หมดได้ง่ายมากขึ้น ตัวอย่างเช่น
เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ 2 รายการ คือ โซฟา และ ทีวี
ยอดหนี้คงเหลือโซฟาอยู่ที่ 15,000 บาท มียอดยอดชำระต่อเดือนอยู่ที่ 2,500 บาท กำหนดชำระทุกวันที่ 5 ของทุกเดือน และมีระยะเวลาผ่อนชำระเหลืออยู่ 6 งวด (อัตราดอกเบี้ยต่อปี 20%) ยอดหนี้คงเหลือโซฟาอยู่ที่ 50,000 บาท มียอดยอดชำระต่อเดือนอยู่ที่ 5,000 บาท กำหนดชำระทุกวันที่ 1 ของทุกเดือน และมีระยะเวลาผ่อนชำระเหลืออยู่ 10 งวด (อัตราดอกเบี้ยต่อปี 15%) ดังนั้นรวมหนี้ทั้งหมดจะอยู่ที่ 65,000 บาท และมียอดชำระต่อเดือนอยู่ที่ 7,500 บาท |
การทำสรุปทำให้เราเห็นว่าในแต่ละเดือนมีหนี้บัตรเครดิตที่จะต้องชำระกี่ใบ เป็นจำนวนเงินรวมเท่าไหร่ ซึ่งนอกจากจะช่วยทำให้เห็นภาพรวมหนี้แล้ว ยังช่วยให้เราสามารถวางแผนว่าควรปิดหนี้ตัวใดก่อนเพื่อลดภาระหนี้สินต่อเดือนหรือลดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายตลอดสัญญาได้อีกด้วย
- จ่ายให้มากกว่าขั้นต่ำ
อย่างที่ทราบกันดีว่า อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตนั้นสูงและส่วนมากคิดเป็นรายเดือน การที่จ่ายแค่ขั้นต่ำจะไม่ช่วยทำให้การปิดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดลงได้ ดังนั้นต้องจ่ายมากกว่าขั้นต่ำ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยเติบโตบานปลายขึ้นไปอีก โดยเราสามารถคำนวณดอกเบี้ยของบัตรเครดิตไว้ก่อนได้ โดยใช้สูตรดังนี้เลย
สูตรคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิต
เงินต้นทั้งหมดที่ค้างจ่าย x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนวัน ÷ 365 วัน |
- ปลดหนี้แบบ Snowball Effect
เป็นอีกวิธีการปลดหนี้โดยเริ่มทำการปลดหนี้จากก้อนที่เล็กที่สุดไปก่อน เพื่อนำเงินไปโปะในก้อนที่ใหญ่กว่า เหมือนกับการค่อย ๆ ปั้นลูกบอลหิมะจากก้อนเล็กมาสู่ก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นลำดับจนกระทั่งเคลียร์หนี้หมดในที่สุด เพียงแต่ต้องชำระเงินให้ครบและตรงตามกำหนด ห้ามโดนคิดค่าผิดนัดชำระเพิ่มเด็ดขาด และทำการจ่ายชำระขั้นต่ำให้บัตรทุกใบเท่า ๆ กัน ยกเว้นหนี้ก้อนที่เล็กที่สุดให้ชำระมากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อรีบปิดหนี้ก้อนเล็กให้ได้โดยเร็วที่สุดนั่นเอง
ใช้บัตรเครดิตซื้อของอย่างไรให้ฉลาดและคุ้มค่าที่สุด?
เมื่อทราบวิธีการใช้บัตรเครดิตขอกู้สินเชื่อบ้านและวิธีปิดหนี้บัตรเครดิตกันแล้ว PropertyScout ยังมีเทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิตซื้อของมาฝากกัน เพราะบัตรเครติดนั้นก็เหมือนกับเครื่องมือการเงินที่ช่วยให้ชีวิตการใช้เงินของเราได้สิทธิประโยชน์มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามก็อย่าลืมว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายจะแสดงบนเครดิตบูโร ดังนั้นการใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาดและคุ้มค่าก็จะช่วยให้การซื้อบ้านในอนาคตเป็นเรื่องง่ายขึ้น
- ใช้บัตรเครดิตหลังวันสรุปยอดบัญชี
วันสรุปยอดกับวันชำระแต่ละท่านจะไม่เหมือนกัน วันสรุปยอดจะสรุปว่าต้องเสียดอกเบี้ยเท่าไหร่จากยอดการใช้เดือนที่ผ่านมา และรอวันชำระซึ่งส่วนใหญ่จะห่างกันประมาณ 10 – 15 วัน (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละธนาคาร) แสดงว่าหากเริ่มใช้บัตรเครดิตหลังวันสรุปยอด จะมีเวลาเกือบ 20 วันขึ้นไปที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูที่เงื่อนไขของบัตรแต่ละประเภทของแต่ละธนาคารเพราะจะมีเงื่อนไขวันต่างกัน
- ใช้แทนเงินสดเพื่อรับแต้ม
ประโยชน์ของแต้มสะสมคะแนนมีมากกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะนำไปแลกเป็นเงินแล้วความคุ้มค่าในการแลกสินค้าอื่นจะยิ่งมากกว่า เช่น แลกไมล์ในการบินไปต่างประเทศ แลกรับส่วนลด แลกรับสินค้าและบริการพรีเมียมอีกมากมาย
- ใช้คะแนนสะสมเท่ายอดซื้อ
การช้อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้าตอนนี้ หากใช้แต้มเท่ากับราคาเต็มจะสามารถแลกส่วนลดเงินสดได้ เช่น ซื้อสินค้า 3,000 บาท หากใช้แต้ม 3,000 แต้ม และจะได้รับส่วนลดเพิ่มจากเดิม 10% หรือ ส่วนลดเงินสด สิทธิประโยชน์นี้เป็นเหตุผลที่ทำไมจึงต้องใช้บัตรเครดิตแทนเงินสดเพราะทุกการใช้เงินจะยิ่งได้เงินกลับมานั่นเอง
- ดูยอด Cashback
ปีนี้กลยุทธ์หลักของบัตรเครดิตส่วนใหญ่คือการได้รับ Cashback กลับเข้ามาในระบบ โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จะมีช่องของ Cashback บอกไว้อย่างละเอียดว่าจะได้รับกลับมากี่% และคิดเป็นกี่บาท หากวางแผนการเงินดีจะพบว่าสามารถได้ Cashback กลับมาเป็นพันบาทต่อเดือนได้
- เช็คสิทธิประโยชน์สม่ำเสมอ
ทุกบัตรจะมีสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ส่วนลดอาหารและร้านค้าต่าง ๆ เช่น รับกระติกน้ำฟรี 1 ขวด หากซื้อเสื้อ 3 ตัวรับเพิ่มอีก 1 ชิ้นฟรี หรือซื้อ 1 แถม 1 หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตใบนี้ หรือตั๋วหนังฟรีทุกเดือน หากใครมีบัตรหลายใบก็แนะนำให้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่ช่วยบริหารบัตรเครดิตหลายใบให้สะดวกขึ้น ทำให้ไม่สับสนและยังแจ้งเตือนทุกครั้งหากมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเข้ามา (ต้องเป็นแอพพลิเคชั่นของธนาคารเท่านั้น)
สรุปส่งท้าย
ทั้งหมดในบทความนี้ก็คือวิธีการใช้งานบัตรเครดิตและการปิดหนี้บัตรเครดิตสำหรับคนที่กำลังสนใจ หรือมีแผนจะติดต่อธนาคารเพื่อกู้สินเชื่อซื้อบ้าน สุดท้ายแล้วการจ่ายตรง จ่ายหมด ไม่เหลือหนี้ค้างก็เป็นวิธีการที่ทำให้เจ้าของบัตรมีเครดิตที่ดี ประวัติสวยงาม และช่วยทำให้ธนาคารมองเห็นถึงศักยภาพในการชำระหนี้ของได้มากที่สุด เพราะว่าบัตรเครดิตคือเครื่องมือที่ช่วยให้ประสิทธิในการใช้เงินคุ้มค่ามากขึ้น และเป็นเครื่องมือหลักที่ธนาคารใช้ประเมินในการขอสินเชื่อซื้อบ้าน ในทางกลับกัน หากปล่อยค้างไว้นานจนติดเครดิตบูโร จะทำให้คุณเสียเครดิตและทำให้การกู้ซื้อบ้านไม่ผ่านอย่างแน่นอน
อ่านบทความ รีวิวโครงการ อัปเดตข่าวเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ได้ที่ PropertyScout Blog
มีคำถาม ข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ หรือต้องการ เช่า ซื้อ ขาย
คลิกตามด้านล่างได้เลย