ก่อนซื้อต้องจด รวมทิปส์ที่ผู้ซื้อต้องรู้!
Buyer's Guide ที่ใคร ๆ ก็ต้องพก
สวัสดีค่า ไหนใครกำลังอยากซื้ออสังหา ฯ บ้าง!? ไม่ว่าจะเป็นคอนโด บ้าน ทาวน์โฮม หรืออสังหา ฯ ประเภทอื่น ๆ ดังนั้น วันนี้ PropertyScout อยากพาคุณมารู้จักกับทิปส์ที่ผู้ซื้ออสังหา ฯ ต้องรู้ ไม่ว่าจะเพิ่งมาซื้อ หรือมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว เพราะเรื่องของการซื้อขายนั้นเป็นอะไรที่่ทุก ๆ คนต่างก็ควรจะรู้รายละเอียดให้ดีก่อนจริงไหมคะ? จะมีอะไรบ้าง ไปอ่านกันเลย!
จุดประสงค์การซื้อคืออะไร?
สิ่งที่แรกที่ต้องนึกถึงก่อนที่เราจะซื้ออสังหา ฯ ประเภทใด ๆ ก็ตาม เราต้องนึกก่อนว่า จุดประสงค์ของการซื้ออสังหา ฯ นั้นคืออะไร ซื้ออสังหา ฯ นั้นสำคัญยังไง แล้วเราจะลงทุน ลงเงินซื้อไปเพื่ออะไร? เพื่อที่ว่า เมื่อจุดมุ่งหมายหรือจุดประสงค์ของเรานั้นชัดเจนแล้ว เรื่องอื่น ๆ ที่จะตามมา ทั้งการเลือกทำเล การเก็บเงิน รวมถึงการกู้เงินจากธนาคารนั้นก็จะมีแนวทางที่ชัดขึ้นนั่นเอง
ซื้อเพื่ออะไร
การซื้ออสังหา ฯ นั้นมีจุดประสงค์ในการซื้อที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่ หรือซื้อเพื่อนำไปขายต่อก็ทำได้ทั้งนั้น เพราะเราทุกคนมีการลงทุนในชีวิตไม่เหมือนกันนั่นเอง
ซื้อเพื่อลงทุน
แบบแรกนั้นคือการซื้อเพื่อลงทุน อย่างที่เรารู้กันดีว่า ในการลงทุนอสังหา ฯ นั้น เป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่หลาย ๆ คนจับตามองและให้ความสำคัญมาก ๆ เนื่องด้วยปัจจัยดอกเบี้ยในธนาคารนั้นมีการปรับตัว และคนในปัจจุบันนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก การมองหาอสังหา ฯ เองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
อีกทั้งการลงทุนแบบนี้นั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ หลายอย่าง ทำให้ตัวผลลัพธ์ที่จะได้นั้นก็มีทั้งก้อนโตและกินได้เรื่อย ๆ นั่นเอง
- ซื้อเพื่อปล่อยเช่ารายเดือน
- การลงทุนประเภทแรกที่ทำได้ง่ายที่สุดก็คือ การปล่อยเช่า เพราะเป็นการลงทุนที่สามารถสร้างรายได้ได้อย่างสม่ำเสมอ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าสามารถเป็น Passive Income ในทุกเดือนได้เลย
- ซื้อเพื่อปล่อยเช่ารายวัน
- สำหรับการลงทุนประเภทนึงที่มี Passive Income เหมือนกันแต่จะเน้นเจาะกลุ่มไปที่นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ต้องการมาพักอาศัยรายวัน
- ซื้อเพื่อปล่อยขายแบบเก็งกำไร
- อีกหนึ่งประเภทการลงทุนที่ใคร ๆ ก็อยากทำ เพราะลงทุนครั้งเดียวแต่ได้เงินมหาศาลโดยที่ไม่ต้องรอเป็นรายเดือน อีกทั้งในบางกรณียังใช้เงินลงทุนไม่เยอะอีกด้วย
- ซื้อเพื่อรีโนเวทและขายต่อ
- การลงทุนอีกแบบที่หลาย ๆ คนคาดไม่ถึงนั่นก็คือ การลงทุนแบบรีโนเวท แม้จะเป็นการลงทุนที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการแต่งห้อง แต่ทว่าเวลาขายกลับทำกำไรได้มากกว่าการขายห้องปกติด้วยซ้ำ
อ่าน 5 ประเภทการลงทุนที่มือใหม่ต้องรู้! ได้ต่อที่นี่เลย!
ซื้อเพื่ออยู่อาศัย
สำหรับใครก็ตามนั้นที่ซื้อสังหา ฯ เพื่อการอยู่อาศัยนั้น แม้จะไม่ต้องคำนวณปัจจัยอื่น ๆ ให้มากความเหมือนกับการลงทุน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราเองก็ต้องคำนึงถึงหลาย ๆ อย่างด้วยเช่นกัน ซึ่งสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงนั้นก็จะมีความต่างออกไป
เนื่องด้วยการซื้อเพื่ออยู่อาศัยนั้นจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่ของผู้ที่สนใจเอง ดังนั้นทุก ๆ ปัจจัย ทั้งทำเล จำนวนผู้อยู่อาศัย ความสะดวก และค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะตกอยู่ที่ผู้ซื้อคนเดียว ดังนั้น ผู้ที่ซื้ออสังหา ฯ เองก็ควรที่จะวางแผนและชั่งน้ำหนักในแต่ละส่วนว่า ควรซื้อในระดับไหนถึงจะเรียกว่าพอดีและไม่เกินตัวจนเกินไปนั่นเอง
ปัจจัยที่ควรคำนึงเมื่อซื้ออสังหา ฯ
- ทำเลที่ตั้ง
- อยู่อาศัยกี่คน
- งบประมาณที่รับได้
- มีลูกอยู่ในบ้านหรือไม่
- อยู่เพื่ออยู่ยาว หรืออยู่ชั่วคราว
งบประมาณพอไหม?
เรื่องต่อมาที่ใครหลาย ๆ คนเองก็ต้องคำนึงถึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยแรก ๆ นั่นก็คือ งบประมาณ เพราะการที่เราจะซื้ออสังหา ฯ สักชนิด ค่าใช้จ่ายในแต่ละส่วนนั้นก็จะมีความต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นตัวคอนโด ตัวบ้าน หรือจะเป็นอสังหา ฯ ชนิดอื่น ๆ เพราะทุกอสังหา ฯ มีฟังก์ชั่นการใช้งานไม่เหมือนกัน ทำให้ค่าใช้จ่ายของแต่ละที่นั้นจะมีความต่างไปด้วยนั่นเอง
สำหรับใครที่อยากซื้อคอนโด เรามีบทความดี ๆ มาแนะนำ คลิกได้เลย!
ค่าใช้จ่ายในการซื้ออสังหา ฯ
สิ่งแรกคือ ค่าอสังหา ฯ ชนิดนั้น ๆ เพราะอย่างที่เราได้กล่าวไปว่า การซื้ออสังหา ฯ แต่ละชนิดนั้นจะมีราคาที่ต่างกันไปตาม ชนิด ทำเล ความกว้าง รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานด้วยนั่นเอง
ซึ่งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นั้นจะมีราคาคร่าว ๆ ประมาณนี้
- คอนโดมิเนียม : 800,000 บาท ไปจนถึง 200 ล้านบาท
- บ้าน(รวมทุกชนิด) : 3 ล้านบาท ไปจนถึง 250 ล้านบาท
ในหลาย ๆ ครั้ง การกู้ ก็เป็นอีกหนึ่งทางในการช่วยซื้ออสังหา ฯ ให้เป็นไปได้อย่างดีขึ้น ซึ่งการกู้ก็จะมีหลายแบบ ทั้งการกู้คนเดียว การกู้ร่วม ไปจนถึงสินเชื่อต่าง ๆ อีกด้วย
บทความเกี่ยวกับการเงินที่น่าสนใจ
ค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง
หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้ว่า ไม่ใช่ทุกที่ที่จะขายอสังหา ฯ ในรูปแบบของ Fully Furnished(ห้องพร้อมอยู่แถมเฟอร์นิเจอร์) แต่จะเน้นขายในแบบของ Fully Fitted(ห้องเปล่า) ซึ่งหากเราไปซื้อโครงการที่ขายเป็น Fully Fitted(ห้องเปล่า) นั้น เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการตกแต่งเพิ่มเติม โดยเฉพาะค่าเฟอร์นิเจอร์ ยิ่งพื้นที่เยอะ ยิ่งเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มากขึ้น
ส่วนใหญ่แล้วห้องแบบ Fully Fitted(ห้องเปล่า) นั้นจะให้มาเป็นห้องแบบเปล่า ๆ โดยจะมีแค่บางส่วนให้ เช่น เคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้า ที่ดูดควัน อ่างล้างจาน โครงเตียง ตู้เสื้อผ้า เป็นต้น
*แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โครงการจะเป็นผู้กำหนดว่าจะได้อะไรนั่นเอง
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
มาต่อกันที่ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ การที่เราจะซื้ออสังหา ฯ นั้นไม่ได้แปลว่าเราต้องซื้อกับโครงการโดยตรง บางคนก็ซื้อต่อมาจากผู้ซื้อและนักลงทุนคนอื่น ๆ ทำให้ในส่วนของค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนั้นจะมีความต่างออกไปตามแต่สถานการณ์ ทั้ง
- ค่าส่วนกลาง
- ค่ากองทุน
- ค่าซ่อมแซม (กรณีที่มีการปรับปรุงบ้าน)
- ค่าประกัน
- ค่าอื่น ๆ
ทำเลที่ตั้ง
ปัจจัยต่อมาคือ ทำเลที่ตั้ง เพราะในทุก ๆ โครงการนั้นก็จะมีทำเลที่ตั้งที่ต่างกันออกไป บางโครงการตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ไปทำงานง่าย บางโครงการตั้งอยูไกลออกไปหน่อย แต่ได้ความสงบมาก ๆ ในการใช้ชีวิต เราจะต้องบอกเลยว่า ทำเลนั้นก็จะมีผลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา
อีกสิ่งหนึ่งที่เราอยากจะแนะนำทุกท่านก็คือ ทำเล CBD(Central Business Distrct) จะมีราคาสูงกว่าทำเลรอบใจกลางเมือง และชานเมือง เพราะว่าทำเล CBD นั้นจะมีความเจริญทั้งทำเลการทำงาน ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และการเดินทางนั่นเอง
ปัจจัยเรื่องทำเลที่ตั้งที่หลาย ๆ คนต้องคำนึงถึงจะมีประมาณนี้เลยค่า
- เดินทางสะดวก
- อยู่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวก
- ทำเลเอื้อกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตไหม
- มี Transportation เอื้ออำนวยไหม
- มีโรงพยาบาลรอบ ๆ ไหม
- ห่างจากถนนใหญ่ขนาดไหน
เอกสารที่ต้องเตรียม
เอกสารที่เราต้องเตรียมนั้นก็เป็นสิ่งที่เราควรเช็กให้ดีว่าขาดเหลืออะไรไหม หากขาดเราต้องทำที่ไหน มีหลักฐานอะไรมายืนยัน เพราะการซื้ออสังหา ฯ นั้น เอกสาร ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องมี เพื่อแสดงหลักฐานว่า เรามีกำลังซื้อพอจริง ๆ กับทางธนาคาร อีกทั้งยังต้องรวมไปถึงสัญญาเช่า ซื้อ ที่เราต้องมีเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของให้กับผู้ซื้อคนปัจจุบันนั่นเอง
อีกทั้งถ้าเรามีอสังหา ฯ เป็นของตัวเองแล้ว สิ่งที่เราจะได้กลับมานอกจากตัวห้อง นั่นก็คือ โฉนดที่ดิน โดยที่โฉนดตัวคอนโดและโครงการบ้านนั้นจะมีความต่างกันไปนั่นเอง
เอกสารที่ต้องเตรียมเมื่อยื่นกู้ธนาคาร
- เอกสารทั่วไป
- สำเนาบัตรประชาชน บัตรข้าราชการ หรือหนังสือเดินทาง
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาทะเบียนสมรส/ใบหย่า/ใบมรณะบัตร/ใบแจ้งความแยกกันอยู่
- สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล (ถ้ามี)
- เอกสารแสดงรายได้
- กรณีประกอบอาชีพประจำ หรือผู้มีรายได้ประจำ
1.1 หนังสือรับรองเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือนแบบใช้สวัสดิการของหน่วยงาน
1.2 สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน
1.3 สมุดบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน - กรณีเจ้าของธุรกิจ
2.1 สำเนาทะเบียนการค้าหรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
2.2 รายชื่อผู้ถือหุ้น
2.3 รายการเดินบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน
2.4 สำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี
2.5 หลักฐานการเสียภาษี เช่น ภ.พ. 30 เป็นต้น
2.6 รูปถ่ายกิจการ 4-5 ภาพพร้อมแผนที่ตั้งโดยสังเขป - กรณีประกอบอาชีพอิสระ
3.1 รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
3.2 ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เช่น แพทย์, ทนาย, สถาปนิก เป็นต้น
- กรณีประกอบอาชีพประจำ หรือผู้มีรายได้ประจำ
- เอกสารหลักประกัน
- สำเนาโฉนดที่ดิน หรือสำเนาหนังสือแสดงกรรมสิทธิห้องชุด
- สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญามัดจำ
- แผนที่แสดงทำเลที่ตั้งของที่ดินหลักประกัน
สรุปส่งท้าย
อย่างที่เราได้กล่าวไปนั้น จะเห็นได้เลยว่า แม้จะตรงนี้จะเป็นข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็เป็นข้อมูลที่เราควรจะรู้ไว้เป็นพื้นฐานเมื่อเราจะซื้ออสังหา ฯ ชนิดใดก็ตาม เพราะการลงทุนแบบนี้นั้น จำเป็นต้องคิดดี ๆ ก่อนลงทุนเสมอ เพราะบางครั้ง หลาย ๆ อย่างอาจจะไม่เป็นใจ เช่น งบประมาณ ทำเล หรือกระทั้งการกู้กับธนาคารว่าจะผ่านหรือไม่นั่นเอง
ทาง PropertyScout หวังว่า ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนไม่น้อยเลย ถ้าอยากได้บล็อคอะไรเพิ่มเติม หรืออยากรู้อะไรใหม่ ๆ สามารถพิมพ์มาบอกเราได้เลยนะ! ยังไงวันนี้เราขอตัวลาไปก่อน เจอกันในบล็อคหน้านะคะ
หากท่านสนใจอสังหาริมทรัพย์ดี ๆ ตรงปก สามารถติดต่อ PropertyScout ได้เลย