โครงการจะคืนเงินดาวน์ให้ไหม? ในกรณีที่กู้บ้าน กู้คอนโดไม่ผ่าน
เมื่อพูดถึงเรื่อง 'เงินดาวน์' เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่มีประสบการณ์ซื้อขายบ้านหรือคอนโดมาบ้าง หรืออยู่ในวงการอสังหา ฯ คงจะรู้จักกันดี อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคนเมื่อผ่อนดาวน์ไปสักระยะหนึ่ง กลับ 'กู้ไม่ผ่าน' แล้วที่นี้จะแก้ปัญหาอย่างไร? โครงการจะคืนเงินดาวน์ให้ไหม? แล้วเราจะขอเงินดาวน์คืนได้หรือไม่ โครงการมีสิทธิ์ยึดเงินดาวน์หรือเปล่า ในบทความนี้ PropertyScout มีคำตอบมาให้กับทุกคนกัน
เงินดาวน์ คืออะไร?
โดยปกติแล้วโครงการต่าง ๆ จะทำการเปิดขายโครงการก่อนการก่อสร้างอยู่แล้ว หากว่าเราอยากได้โครงการนั้น ๆ ก็จะต้องมีเงินจองเพื่อจองสิทธิ์ของเรานั่นเอง หรือที่รู้จักกันว่า 'เงินดาวน์'
การผ่อนดาวน์คอนโด คืออะไร?
การ 'ผ่อนดาวน์' ก็คือ การผ่อนชำระเงินจำนวนหนึ่งที่เจ้าของโครงการเรียกเก็บ เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันการจองซื้อกับโครงการ และเมื่อถึงกำหนดส่งมอบ ทางโครงการจะนำเงินดาวน์ที่เราได้ชำระก่อนหน้านั้นมาหักออกจากราคาขายนั่นเอง ซึ่งเมื่อเราต้องการที่จะซื้อบ้าน หรือ คอนโดในโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ หรือต้องการซื้อบ้านในราคาพรีเซลนั้น ทางเจ้าของโครงการจะมีการเรียกเก็บเงินดาวน์ ซึ่งอาจจะมีมูลค่าตั้งแต่ 5-20% แล้วแต่ราคาของโครงการนั้น ๆ
ซึ่งหากโครงการที่เรากำลังเล็งไว้นั้นมีราคาที่สูงมาก ๆ ก็จะทำให้เราต้องชำระเงินดาวน์ในราคาที่สูงมาก ๆ ด้วยเช่นกัน แต่เราก็สามารถเลือกการชำระได้ตามความต้องการ หากมีเงินก้อนก็สามารถชำระได้เต็มจำนวนตามที่โครงการเสนอมา แต่สำหรับคนที่ยังไม่พร้อมจ่ายเงินก้อน ทางโครงการหลายแห่งก็มีข้อเสนออย่างการผ่อนดาวน์ เพื่อช่วยเหลือผู้ซื้อ ซึ่งในข้อนี้จะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายเงินดาวน์ไปจนกว่าโครงการจะสร้างเสร็จนั่นเอง
สนใจอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก
ผ่อนดาวน์ไปแล้วแต่กู้ไม่ผ่าน! โครงการจะคืนเงินดาวน์ให้ไหม จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?
มาถึงปัญหาที่หลายคนกังวล หากผ่อนดาวน์คอนโดไปจนหมดแล้ว แต่เมื่อขอยื่นกู้กลับกู้ไม่ผ่าน แล้วเงินดาวน์ที่ผ่อนไป จะได้คืนจากโครงการไหม? ต้องบอกว่า 'ทางโครงการไม่สามารถยึดเงินดาวน์และจะต้องคืนเงินดาวน์ทั้งหมดให้กับเรา' เพราะในปัจจุบันไม่มีกฎหมายออกมาบังคับให้ทางโครงการยึดเงินดาวน์ของเรา และเราสามารถใช้สิทธิ์ฟ้องคดีต่อศาลเรียกให้โครงการคืนเงินดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ 'เงินจอง' และ 'เงินทำสัญญา' เราจะได้คืนหรือไม่ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโครงการที่ระบุไว้ในสัญญา ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมีระบุไว้ในสัญญาอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราอาจจะไม่ได้รับเงินดาวน์ทั้งหมด และอาจจะต้องเสียค่าดำเนินการ และค่าเสียเวลาให้กับทางโครงการด้วยนั่นเอง ดังนั้นหากรู้ตัวว่าน่าจะกู้ไม่ผ่านตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถหาวิธีแก้ไขปัญหาได้ดังนี้
วิธีแก้ปัญหา
- หาคนมากู้ร่วม
หากธนาคารพิจารณาแล้วว่าความสามารถในการผ่อนชำระของเราไม่พอ เราอาจจะหาคนมากู้ร่วมได้ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสในการกู้ผ่านมากขึ้น โดยถ้าเป็น พ่อ แม่ พี่ น้องจะยิ่งดี เพราะถ้าผู้ที่จะมากู้ร่วมมีฐานเงินเดือนหรือรายได้ที่มากกว่า ก็อาจจะกลายมาเป็นผู้กู้หลักได้
- เจรจาต่อรองกับทางโครงการ
เราอาจจะเริ่มต้นเจรจา และ ขอความช่วยเหลือกับทางโครงการดู หากเรายังต้องการโครงการนี้อยู่ก็สามารถขอให้ทางโครงการช่วยหาธนาคาร หรือ ติดต่อสถาบันทางการเงินใหม่ที่มีโอกาสให้สินเชื่อผ่านง่ายกว่าเดิม หรือ หากเราเป็นผู้โชคดีทางโครงการอาจจะมีโปรโมชั่นส่วนลดเป็นเงินก้อนที่จะสามารถช่วยให้เรานั้น สามารถยื่นขอสินเชื่อในราคาที่ต่ำกว่าเดิมนั่นเอง
- ประกาศขายดาวน์
หากยังพอมีเวลาอีกทางเลือกหนึ่งแนะนำว่าให้ประกาศขายดาวน์ ถึงแม้ว่าจะไม่อยากขายแต่ก็ต้องจำใจ และควรรีบปล่อยให้เร็วที่สุด ถ้าคอนโดยังเป็นที่ต้องการของตลาดก็อาจจะขายได้กำไรนิดหน่อย แต่ก็ต้องเผื่อในในกรณีที่ขายแล้วขาดทุนไว้ด้วย
สรุปส่งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลที่นำมาเสนอในบทความนี้ PropertyScout อยากแนะนำทุกคนว่า ก่อนทำการซื้อขาย ควรตรวจสอบสัญญาทุกตัวอักษรเพื่อผลประโยชน์ของตัวเรา ถึงแม้ว่าทางโครงการจะมีการโปรโมต หรือ ออกโปรโมชั่นชักชวนให้เราคล้อยตาม ก็จะต้องเป็นโปรโมชั่นที่ระบุมาเป็นลายลักษณ์อักษร และที่สำคัญคือต้องอยู่ในตัวสัญญาด้วย เพราะเมื่อเกิดข้อผิดพลาด หลักฐานทั้งหมดจะเป็นตัวช่วยอย่างดีในชั้นศาล
ในส่วนของการผ่อนดาวน์นั้น หากมีการศึกษาเงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วนก่อนจะทำการจอง ใช้เหตุผลในการเลือกบ้านมากกว่าอารมณ์ และสามารถประเมินตัวเองได้ว่ามีความสามารถในการผ่อนชำระเท่าไร ก็จะหมดปัญหากลุ้มใจเรื่องการผ่อนเงินดาวน์แน่นอน
อ่านบทความ รีวิวโครงการ อัปเดตข่าวเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ได้ที่ PropertyScout Blog
มีคำถาม ข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ หรือต้องการ เช่า ซื้อ ขาย
คลิกตามด้านล่างได้เลย