‘ซื้อคอนโดมือสอง’ ในปี 2566 ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

Author
by
At
January 23, 2023
‘ซื้อคอนโดมือสอง’ ในปี 2566 ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง? ‘ซื้อคอนโดมือสอง’ ในปี 2566 ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

สำหรับปี 2566 นี้ การซื้อคอนโดมือสองนั้นถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก ซึ่งก็มีข้อดีตั้งแต่ โอกาสในการเลือกทำเลดี ๆ มากกว่า, สามารถต่อรองราคาได้, สามารถเข้าไปสำรวจดูสภาพจริงได้ และที่สำคัญคือ สามารถรีโนเวทเพื่อใช้อยู่อาศัยเอง หรือจะปล่อยเช่า เก็บไว้ขายเอากำไรในอนาคตก็ได้ อย่างไรก็ตามการซื้อคอนโดมือสองนั้นก็มีค่าใช้จ่ายสำคัญต่าง ๆ ที่ทุกคนจะต้องเตรียมไว้เช่นกัน ซึ่งในบทความนี้ PropertyScout ได้รวมข้อมูลมาสรุปให้ทุกคนดูกันเลยว่า ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นมีอะไรบ้าง และสำหรับปี 2566 นี้ มีการอัพเดตข้อมูลอะไรบ้างที่คนซื้อคอนโดมือสองทุกคนควรรู้

ซื้อคอนโดมือสอง-ปี-2566-เตรียมค่าใช้จ่าย

ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์คอนโด

ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์คอนโด
ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์คอนโด

โดยส่วนมากค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์จะคิดเป็น 2% จากราคาเต็มของคอนโด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องแบ่งกันจ่ายคนละ 1 % แต่ในบางกรณีผู้ขายอาจจะให้ข้อเสนอกับผู้ซื้อ โดยการ ‘จ่ายค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ให้ทั้งหมด’ แต่ได้จะไม่ลดราคาคอนโดให้ หรืออาจจะมีข้อตกลงกันในรูปแบบอื่น ๆ ก็ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับปี 2566 นี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% (ต่อเนื่องจากปี 2564) สำหรับการซื้อขายบ้านและคอนโดที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อเป็นการลดภาระให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยและช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศ

*ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์คอนโด สามารถเข้าไปชำระได้ที่กรมที่ดิน

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก


เงินมัดจำ

เงินมัดจำ
เงินมัดจำ

เงินมัดจำคือเงินค่าใช้จ่ายก้อนแรกที่ผู้ซื้อต้องจ่ายให้กับผู้ขาย เพื่อเป็นการยืนยันร่วมกันว่าได้มีข้อตกลงการซื้อขายเกิดขึ้นแล้ว โดยส่วนมากมักจะอยู่ที่ประมาณ 10% ของราคาที่ตกลงจะซื้อขายกัน หลังจากผู้ซื้อวางเงินมัดจำกับผู้ขายไปแล้ว ผู้ขายจะไม่มีสิทธิ์ขายทรัพย์สินนี้ให้กับคนอื่น และทางผู้ซื้อก็จะต้องรับผิดชอบในการจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้ครบตามที่ได้ตกลงกันไว้

*ค่ามัดจำ ชำระในวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย

ค่าจดจำนอง

ค่าจดจำนอง
ค่าจดจำนอง

ค่าจดจำนองจะคิดที่ 1% จากยอดสินเชื่อที่ผู้ซื้อกู้ไว้ แต่สำหรับในปี 2566 นี้ค่าจดจำนองได้ปรับลดลงเหลือ 0.01%  สำหรับการซื้อขายบ้านและคอนโดที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท

*ค่าค่าจดจำนอง สามารถเข้าไปชำระได้ที่กรมที่ดิน

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก


ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

สำหรับผู้ขายที่เป็นบุคคลธรรมดา เมื่อขายทรัพย์สินของตัวเองได้แล้วก็จะต้องไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพราะถือว่าเป็นรายได้จากธุรกรรมการซื้อขาย โดยค่าใช้จ่ายจะคิดตามราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของทางกรมที่ดิน และจะต้องหัก ณ ที่จ่าย ตามกฎของกรมสรรพากร

*ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.) สามารถเข้าไปชำระได้ที่สำนักงานสรรพากร

ค่าอากรแสตมป์

ค่าอากรแสตมป์
ค่าอากรแสตมป์

ปกติแล้วผู้ขายจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ซึ่งค่าอากรแสตมป์คิดเป็น 0.5% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน ที่สำคัญคือราคานั้นจะต้องไม่ต่ำกว่าราคาประเมินที่ดิน หากต่ำกว่าก็จะต้องนำราคาประเมินที่ดินมาคำนวณแทน เรียกง่าย ๆ ว่า จะต้องเลือกราคาที่สูงกว่ามาใช้ในการคำนวณนั่นเอง


อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก


ภาษีธุรกิจเฉพาะ

ภาษีธุรกิจเฉพาะ
ภาษีธุรกิจเฉพาะ

ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นค่าใช้จ่ายที่ทางฝ่ายผู้ขายต้องรับผิดชอบ โดยจะมีอัตราอยู่ที่ 3.3% ของราคาซื้อขาย โดยผู้ขายที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจะได้รับการยกเว้นค่าอากรแสตมป์ แต่สำหรับผู้ขายที่ถือครองบ้านหรือคอนโดเป็นเวลานานกว่า 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนานกว่า 1 ปี จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่จะต้องจ่ายค่าอากรแสตมป์แทน

*ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ สามารถเข้าไปชำระได้ที่สำนักงานสรรพากร

คำนวณภาษีที่เกี่ยวข้องกับการขายอสังหาริมทรัพย์ คลิก


สรุปส่งท้าย : ใครต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนไหนบ้าง

ผู้ซื้อผู้ขาย
ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์คอนโด
(ชำระคนละครึ่งกับผู้ขาย หรือตามตกลง)
ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์คอนโด
(ชำระคนละครึ่งกับผู้ซื้อ หรือตามตกลง)
เงินมัดจำ (10%) ของราคาคอนโดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (จ่ายตามราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของทางกรมที่ดิน และตามขั้นบันไดภาษี)
ค่าจดจำนอง (1% ของราคาคอนโด)ค่าอากรแสตมป์ (0.5% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมินที่ดิน หากต่ำกว่าราคาประเมินที่ดินจะต้องนำราคาประเมินที่ดินมาคำนวณแทน)
-ภาษีธุรกิจเฉพาะ (อยู่ที่ 3.3% ของราคาซื้อขาย)

ทั้งหมดที่ได้กล่าวไปในบทความนี้ก็คือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการ ‘ซื้อคอนโดมือสอง’ ในปี 2566 ใครที่กำลังมองหาคอนโดหรือบ้านมือสองควรเตรียมความพร้อมให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดการเอาเปรียบกันหรือเกิดการเสียผลประโยชน์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ควรมีการตกลงกันให้ชัดเจนว่าใครจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนไหนบ้าง ค่าใช้จ่ายที่ต้องช่วยกัน แต่ละฝ่ายจะรับผิดชอบคนละเท่าไหร่ แล้วก็อย่าลืมระบุข้อมูลเหล่านี้ลงในเอกสารสัญญาให้ชัดเจนด้วย

สำหรับการซื้อขายคอนโดมือสอง บ้านมือสอง เรียกได้ว่ามีความยุ่งยากในการจัดการเรื่องเอกสาร ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในระดับนึง หากต้องการลดความยุ่งยากในส่วนนี้สามารถซื้อคอนโด ซื้อบ้านกับ PropertyScout ซึ่งทางเรามีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษา และสามารถช่วยดำเนินการเรื่องเอกสาร ค่าใช้จ่ายทุกขั้นตอน หมดกังวลทุกความวุ่นวายในการซื้อขายบ้าน


มองหาคอนโดมือสองคุณภาพสำหรับการลงทุน หรืออสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น PropertyScout มีให้เลือกกว่า 250,000 ที่ทั่วไทย คลิกตามด้านล่างได้เลย


อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก