ซื้อบ้านแล้วเปลี่ยนใจทีหลัง ไม่อยากได้บ้านหลังนี้แล้ว แก้ไขปัญหายังไงดี?
สำหรับใครที่ตัดสินใจซื้อบ้านไปแล้ว แต่กลับเปลี่ยนใจไม่อยากได้บ้านหลังนี้แล้ว โดยไม่ว่าจะมาจากเหตุผลเรื่อง ได้ดีลราคาโครงการอื่นที่ดีกว่า เจอทำเลอื่นที่ดีกว่า หรือได้งานใหม่ที่อื่น ทำให้การเดินทางไม่สะดวก แล้วทำให้ตัดสินใจซื้อเร็วไป เมื่อเป็นแบบนี้แล้วสามารถทำการยกเลิกได้หรือไม่ ? PropertyScout จะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน
เซ็นสัญญาซื้อบ้านไปแล้วยกเลิกสัญญาได้หรือไม่?
คำตอบก็คือ 'ทั้งได้' และ 'ไม่ได้' ขึ้นอยู่กับว่าสถานะการซื้อบ้านของเรากำลังอยู่ในขั้นตอนไหน สัญญาที่เซ็นไปนั้นคือสัญญาฉบับไหน หากเพิ่งจองบ้านไปก็สามารถยกเลิกสัญญาได้ แต่อาจจะต้องถูกยึดเงินจอง แต่หากโอนบ้านแล้ว บ้านหลังนั้นจะกลายเป็นสิทธิของเราโดยชอบธรรม ดังนั้น ไม่สามารถทำการยกเลิกได้ และถึงแม้ว่าเราจะไม่ตรวจไม่เซ็นรับบ้านกับโครงการ ทางกฎหมายก็ไม่รับรู้ไม่สนอะไรแล้ว เพราะถือว่าเราโอนมาแล้ว ไม่มีโอกาสแก้ตัว และยิ่งในกรณีที่โอนบ้านก่อนตรวจบ้านด้วยแล้วนั้นบอกเลยว่าจะยิ่งลำบากมาก
ดังนั้นสำหรับคนที่กำลังจะ ซื้อบ้าน หรือคิดจะซื้อบ้าน PropertyScout ขอแนะนำให้ลองเดินทางไป-กลับที่ทำงานจริง ๆ จากตัวบ้านที่เราจะซื้อ เพื่อดูว่าใช้เวลาเดินทางไปทำงานนานเท่าไหร่ เดินทางลำบากหรือเปล่า แล้วอย่าลืมนึกในกรณีที่ได้งานใหม่หลังจากซื้อบ้านเผื่อไว้ด้วย ว่าจะทำอย่างไร อธิบายให่เข้าใจโดยง่ายคือ ยิ่งถ้าเรารู้ว่ามีแผนที่จะเปลี่ยนงานก็ยังไม่ควรรีบซื้อบ้าน ควรจะตรวจดูความต้องการของตนเองและปัจจัยด้านต่าง ๆ ของชีวิตตนก่อนที่จะซื้อบ้าน ยิ่งถ้าเราไม่มีรถส่วนตัวด้วยแล้วนั้นบ้านที่อยู่ในทำเลเดินทางโดยขนส่งสาธารณะไม่สะดวก หรือทำเลอยู่ในซอยลึกมาก ๆ ก็ไม่ควรจะซื้อ ถึงแม้ว่าบ้านหลังนั้นจะมีราคาโดนใจก็ตามเพราะว่าสุดท้ายแล้วเราก็จะเหนื่อยกว่าเดิม
ทำความเข้าใจสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายบ้าน
นอกจากพิจารณาเรื่องความต้องการของตัวเองแล้ว เรื่องเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขาย ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขายบ้าน เราซึ่งเป็นผู้ซื้อจึงต้องพิจารณาทุกรายละเอียดอย่างรอบคอบ แต่ความถูกต้องก็ไม่ได้ดูแค่สัญญาซื้อขายบ้านเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะยังมีเอกสารประกอบอีกหลายส่วนที่ต้องพิจารณาร่วมกัน ผู้ซื้อจึงต้องเข้าใจถึงบทบาทของสัญญาแต่ละประเภท และตรวจสอบข้อมูลที่ต้องใส่ใจ เพื่อเซ็นสัญญาซื้อขายบ้านได้โดยไม่ถูกเอาเปรียบ หรือหากพบปัญหา สัญญาไม่ถูกต้อง มีการโกงการเอาเปรียบเกิดขึ้นจะได้สามารถยกเลิกสัญญาซื้อบ้านได้
สัญญาจองซื้อบ้าน
สัญญาจองซื้อบ้าน คือ เอกสารซื้อขายบ้านประเภทหนึ่งที่มักจะเกิดในกรณีซื้อบ้านหรือคอนโดที่ยังไม่ก่อสร้าง หรือยังไม่สามารถระบุแปลงที่ดินหรือพื้นที่บ้านได้อย่างชัดเจน จึงเกิดสัญญาจองซื้อบ้านไว้ก่อนจนกว่าจะมีรายละเอียดเพียงพอให้ทำสัญญาจะซื้อจะขายได้ และเงื่อนไขในการผ่อนดาวน์ก็จะปรากฏอยู่ในสัญญาฉบับนี้ เป็นรายละเอียดสำคัญ ซึ่งหากผู้ซื้อผู้ขายไม่ทำตามสัญญา ก็มีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาซื้อบ้านหรือถูกริบเงินจองได้เช่นกัน
สัญญาจะซื้อจะขายบ้าน
สัญญาจะซื้อจะขายบ้าน คือ เอกสารต้นทางที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการตกลงจะซื้อจะขายกัน ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ระบุเงื่อนไขทั้งหมดในการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์บ้าน หากมีการผิดสัญญาระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ก็สามารถฟ้องร้องเอาผิดได้ตามกฎหมาย และยกเลิกสัญญาซื้อบ้านได้ ดังนั้นการซื้อขายบ้านจึงมักจะเกิดสัญญาก่อนทำสัญญาซื้อขายบ้านจริง ๆ
สัญญาซื้อขายบ้าน
สัญญาซื้อขายบ้าน คือ เอกสารปลายทางที่จะทำให้การตกลงซื้อขายบ้านมีผลทางกฎหมาย เพื่อให้กรรมสิทธิ์บ้านกลายเป็นของผู้ซื้ออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยสัญญาซื้อขายบ้านจะต้องได้รับการจดทะเบียนโดยเจ้าพนักงานของสำนักงานที่ดินในท้องที่เท่านั้น และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า หนังสือสัญญาขายที่ดิน (ท.ด. 13)
เอกสารแนบท้ายสัญญา
เอกสารแนบท้ายสัญญาจะซื้อจะขาย และสัญญาซื้อขาย คือ เอกสารต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบข้อตกลงในการซื้อขาย เช่น เงื่อนไขเพิ่มเติม สเปกวัสดุบ้าน ของแถม หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่ได้ตกลงกันไว้นอกเหนือจากรายละเอียดที่ระบุในสัญญา ซึ่งข้อตกลงทั้งหมดจะต้องระบุเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน โดยอาจมีภาพและแผนผังประกอบด้วย
หากดำเนินการซื้อบ้านพร้อมกับโอนกรรมสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อย แต่มาเปลี่ยนใจทีหลัง สามารถแก้ปัญหานี้อย่างไรได้บ้าง?
สำหรับวิธีการแก้ปัญหา PropertyScout ขอแนะนำให้ทำโดยวิธีการดังนี้
- ขายบ้าน
เริ่มแรกนั้นเจ้าของบ้านควรย้ายทะเบียนบ้าน โดยเร็วที่สุดหลังจาก 1 ปี เพราะจะได้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ส่วนในตอนนั้นจะขายหรือไม่ขายค่อยว่ากัน โดยถ้าเราจะทำการขายบ้านหลังนี้ออกก็สามารถที่จะทำได้แต่อาจจะขายยากหน่อยตรงที่ ถ้าทำเลบ้านไม่ได้ดีนัก หรือโครงการอยู่ลึก และนอกจากนี้ยังมีบ้านใหม่ภายในในโครงการหลังอื่น ๆ ให้ผู้ซื้อมีทางเลือกมากขึ้น แถมยังได้บ้านมือหนึ่งอีกด้วย รวมไปถึงถ้าเรายิ่งโอนบ้านโดยไม่ได้ผ่านการตรวจรับบ้านยิ่งจะทำให้เราขายต่อบ้านเป็นเรื่องที่ยากอีกเป็นเท่าตัวได้เลย นอกจากนี้แล้วเรายังต้องมาแข่งกับเจ้าของโครงการที่ต้องการจะขายบ้านออกให้หมดด้วยก็จะยิ่งยากเพราะเจ้าของโครงการอาจจะลดราคา หรือเพิ่มของแถมมาล่อตาล่อใจผู้ซื้อหน้าใหม่ ๆ ได้อีกด้วยนั่นเอง
หลังจากนั้น ถ้าต้องทำการขายบ้านหลังนี้ให้ได้ ก็จะต้องทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อย จากนั้นก็ทำการห่อซีลเฟอร์นิเจอร์ ต่าง ๆ หากเป็นของที่โครงการให้แถมมาแล้วยังไม่ได้แกะซีลก็ปล่อยไว้แบบนั้น และอย่าไปตกแต่งบ้านเพิ่มเติมเพราะคนซื้อต่ออาจจะไม่ต้องการ จากนั้นให้ถ่ายรูปภาพบ้านในหลาย ๆ มุม หรือหาเว็บลงประกาศขายบ้าน หรือหานายหน้าอสังหาริมทรัพย์ขายบ้านมาช่วยหาผู้ซื้อ
สำหรับราคาบ้านก็ไม่ควรตั้งราคาขายที่แพงเกินไปแต่ถ้าโครงการบ้าน หลังนั้นได้รับผลตอบรับดีมีหลาย ๆคนอยากได้นั้นอาจจะตั้งราคาขายได้สูงก็ไม่มีปัญหา และ อย่าปล่อยให้บ้านโทรมในกรณีที่อาจจะขายไม่ออกในช่วงแรก ๆ
- ปล่อยเช่าบ้าน
สำหรับกรณีที่ขายไม่ได้ ก็อาจจะต้องลองเปลี่ยนไปปล่อยเช่าแทน แต่ถ้าบ้านอยู่ในทำเลชานเมือง หรืออยู่ในย่านชุมชนซอยลึก อาจจะหาคนเช่ายากหรือไม่ก็ได้ผู้เช่าที่มีคุณภาพ หรือจะตั้งราคาค่าเช่าแพงก็ไม่ได้ ดังนั้นก็ควรตั้งราคาที่เราคิดว่าคุ้มค่าที่สุด และยังเป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มลูกค้าผู้เช่านั้น ๆ ก่อน แล้วถ้าหาใครมาเช่าไม่ได้ก็ค่อยลดราคา
สรุปส่งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีแก้ไขปัญหาซื้อบ้านแล้วเปลี่ยนใจ เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะพอคิดวิธีรับมือปัญหานี้กันได้บ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม PropertyScout ขอแนะนำให้ค่อย ๆ คิดให้ดีก่อนจะซื้อบ้านสักหลัง หรือคอนโดสักห้อง อย่างพึ่งด่วนตัดสินใจซื้อเพียงเพราะว่าบ้านดีลดีราคาไม่แพง หรือเชื่อผู้ขายมากจนลืมดูปัจจัยต่าง ๆ ให้รอบด้าน อย่างเช่น เงินในกระเป๋าที่มี รูปแบบของรายได้ของเรา หรืออย่างเรื่องการเดินทางก็สำคัญ
นอกจากนั้นการซื้อขายบ้านนั้นเป็นเรื่องใหญ่และมีรายละเอียดมากมายที่ต้องใส่ใจ ก่อนเซ็นเอกสารซื้อขายบ้านกับผู้ขาย เราต้องอ่านให้ละเอียดที่สุด เพราะสัญญาเกี่ยวกับการซื้อขายบ้านมีผลทางกฎหมาย ซึ่งการรับทราบข้อตกลงและรายละเอียดที่มีความยุติธรรม ก็จะทำให้ผู้ซื้อไม่เสียเปรียบในภายหลัง และสามารถที่จะยกเลิกสัญญาซื้อบ้านได้ตลอดก่อนที่จะมีการลงลายลักษณ์อักษรเป็นลายเซ็น
สำหรับใครที่ซื้อบ้านไปแล้วมารู้ตัวว่าตัดสินใจผิดพลาด ก็อย่าไปโทษตัวเองเพราะอย่างน้อยเราก็มีบ้านไว้อยู่อาศัย หากคิดสับสน ย้ำ ๆ วนไปวนมา จะยิ่งทำให้ตัวเราเครียดและเสียสุขภาพโดยไม่ได้อะไรกับมาเลย หากยังไม่สามารถขายหรือปล่อยเช่าได้เราก็อาจจะต้องทนอยู่อาศัยที่ไปก่อน และค่อย ๆ ลงประกาศไป อีกอย่างที่ PropertyScout อยากชวนให้ทุกคนลองคิดก็คือ อนาคตอาจจะไม่ได้แย่กว่าที่เราคิด ดีไม่ดีบ้านหลังนี้อาจจะเป็นบ้านที่เหมาะสมกับเราที่สุดก็ได้ และก็เป็นบทเรียนให้กับเรา โดยการตัดสินใจใหญ่ ๆ ในครั้งหน้า หากจะทำอะไรคิดวางแผนให้รอบคอบกว่านี้
สนใจดูอสังหาสวย ๆ แบบน่าอยู่
คลิกด้านล่างเลย!