‘ประกันอัคคีภัย’ คุ้มครองอะไรบ้าง? มีความจำเป็นขนาดไหน?
บางคนอาจจะยังไม่ทราบว่าบ้านของเราทุกคนก็มีประกันภัยที่คอยให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกัน เนื่องจากบ้านเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง หากมีภัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่ ๆ อย่างเช่นไฟไหม้ สามารถทำให้ที่อยู่อาศัยของเราเสียหายขึ้นมา จนทำให้ต้องเสียเงินก้อนโตไปกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมต่าง ๆ ดังนั้นการทำ 'ประกันอัคคีภัย' จึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยคุ้มครองการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ PropertyScout จะพาทุกคนไปดูกันว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
ประกันอัคคีภัย คืออะไร?
'ประกันอัคคีภัย' คือ ประกันภัยภาคบังคับที่โครงการต้องจัดทำให้สำหรับลูกค้าที่ขอสินเชื่อและนำหลักประกันมาจดจำนองไว้กับสถาบันการเงิน เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีอย่างแน่นอน และเนื่องจากเป็นประกันภาคบังคับ ทางธนาคารจึงจะต้องแจ้งให้ลูกค้าให้ทราบในทันทีที่ดำเนินการขอสินเชื่อ โดยประกันอัคคีภัยจะเริ่มให้ความคุ้มครองตั้งแต่ในวันที่ทำนิติกรรม
โดยให้ความคุ้มครองตัวอาคารสิ่งปลูกสร้าง จากการเกิดวินาศภัย ที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย เช่น ไฟไหม้ ไฟฟ้าลัดวงจร การระเบิดของแก๊สหุงต้ม และในบางครั้งอาจจะครอบคลุมถึง ภัยเนื่องจากน้ำ (ไม่รวมน้ำท่วม) หรือภัยธรรมชาติต่าง ๆ ซึ่งก็จะต้องขึ้นอยู่กับรายละเอียดกรมธรรม์
ส่วนมากจะให้ความคุ้มครองระยะสั้นราว 1-3 ปี ทำให้ผู้กู้หรือผู้ถือกรรมสิทธิ์บ้าน ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันในทุก ๆ รอบระยะเวลานี้
ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราเบี้ยประกันของประกันอัคคีภัย มีอะไรบ้าง?
อัตราค่าเบี้ยประกันของประกันอัคคีภัยนั้นไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัย แต่โดยส่วนมากจะใช้เงื่อนไขต่าง ๆ ในการกำหนดราคา ดังนี้
- ลักษณะของสิ่งปลูกสร้างประเภทอาคาร (กำหนดตามวัสดุที่ใช้สำหรับโครงสร้าง ผนัง พื้นของอาคาร) และสถานที่ตั้ง
- ลักษณะภัยของสถานที่เอาประกันภัย (ภัยโดดเดี่ยว/ภัยไม่โดดเดี่ยว)
- ลักษณะการใช้สถานที่
ประกันอัคคีภัยให้ความคุ้มครองกรณีใดบ้าง?
ประกันอัคคีภัยนั้น จะให้ความคุ้มครองในที่พักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทาวเฮาส์ อาคารตึกแถว แฟลตหรือคอนโดมิเนียม โดยจะให้ความคุ้มครองกรณีเพลิงไหม้จากเหตุการณ์ดังนี้
- ไฟไหม้
- ภัยระเบิดต่าง ๆ
- ฟ้าผ่า รวมถึงความเสียหายต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกิดการลัดวงจรเนื่องจากฟ้าผ่า
- ภัยทางสภาพอากาศ พายุฝน ลูกเห็บตก
- ภัยจากรถยนต์ และยานพาหนะต่าง ๆ
- ภัยจากอากาศยาน หรือวัตถุที่ตกจากอากาศยาน
- ภัยเนื่องจากน้ำ (แต่ไม่รวมน้ำท่วม)
ในกรณีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ จะให้การชดเชยในทรัพย์สินต่าง ๆ ดังนี้
- ตัวอาคารที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย (ไม่รวมรากฐาน)
- ห้องชุด อาคารชุด แฟลต หรือคอนโดมิเนียม
- ทรัพย์สินที่อยู่ภายในสิ่งปลูกสร้าง เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า ฯลฯ
- ทรัพย์สินอื่นที่มีมูลค่าสูงเช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องจักร ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าประกันอัคคีภัยจะให้ความคุ้มครองการเกิดเหตุเพลิงไหม้ แต่ก็มีบางกรณีที่เป็นข้อยกเว้นเช่นกัน ได้แก่
- เหตุเพลิงไหม้ที่ผู้เอาประกันมีส่วนรู้เห็น หรือมีส่วนร่วมด้วย
- ความเสียหายจากการเผาทรัพย์สินโดยคำสั่งของเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่
- ภัยจากสงคราม การก่อการร้าย การจราจล การรุกราน การก่อความวุ่นวายทางการเมือง การก่อวินาศกรรม การนัดหยุดงาน
- ระเบิดนิวเคลียร์ การแผ่ของสารกัมมันตรังสี หรือจากกากนิวเคลียร์
นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินบางประเภทที่อยู่นอกเหนือความคุ้มครองของประกันอัคคีภัยบ้าน ได้แก่
- สินค้าที่อยู่ในการดูแลรักษาของผู้เอาประกันภัย หรือในฐานะผู้ดูแลรักษา
- เงินแท่ง เงินรูปพรรณ ทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ อัญมณี หรือของมีค่า
- โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ อันมีมูลค่ารวมกันเกินกว่า 10,000 บาท
- เอกสารสำคัญต่างๆ แบบแปลน แผนผัง ภาพเขียน รูปออกแบบ สมุดบัญชี รวมถึงเงินตรา และธนบัตร
- เครื่องใช้ไฟฟ้า แผงวงจรไฟฟ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สายไฟหรือหลอดไฟฟ้า ที่ได้รับความสียหายเนื่องจากการเดินเครื่องเกินกำลัง
- วัตถุระเบิด
- ยานพาหนะทุกชนิด ไม่ว่า ทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกประกันอัคคีภัย
ประกันอัคคีภัยนั้นมีให้เลือกมากมายหลายบริษัท PropertyScout อยากให้พิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจเลือกทำประกัน ด้วยปัจจัยเหล่านี้
- ควรอ่านเงื่อนไขกรมธรรม์ และทำการเปรียบเทียบกับเจ้าอื่นๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของตัวเองให้มากที่สุด
- หากทำประกันมากกว่า 1 ที่ บริษัทประกันนั้นจะแบ่งความรับผิดชอบในการชดใช้ค่าเสียหายคนละครึ่ง ไม่ใช่ได้รับเงินชดเชย 2 เท่าแต่อย่างใด
- ควรเลือกบริษัทที่ให้ความคุ้มครอง หรือให้เงินชดเชยเป็นจำนวนอย่างต่ำ 70% ของราคาสินทรัพย์ เนื่องจากเหตุเพลิงไหม้นั้นสร้างความเสีย
- หายรุนแรงรอบตัวบ้าน จึงควรเลือกเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากความเสียหายส่วนใหญ่ได้
สรุปส่งท้าย
ไฟไหม้ถือเป็นภัยพิบัติที่ทำให้บ้านและชีวิตได้รับความเสียหายอย่างสาหัสได้ ดังนั้นการมีประกันภัยบ้านไว้ชดเชยค่าเสียหายจึงเป็นเรื่องที่ดีมาก ถึงแม้ว่าชื่อจะเรียกว่า 'ประกันอัคคีภัยบ้าน' แต่ถ้าเกิดโดนฟ้าผ่า ลูกเห็บตก หรือพายุฝน ประกันอัคคีภัยบ้านก็ยังให้ความคุ้มครอง เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อยู่ในเงื่อนไขการคุ้มครองตามกรมธรรม์ ดังนั้นใครจะไปรู้ว่าวันไหนจะเกิดเหตุเหล่านี้ขึ้นมา PropertyScout แนะนำให้มีประกันอัคคีภัยติดบ้านเอาไว้ ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ก็อุ่นใจกว่า
PropertyScout แหล่งรวมอสังหา ฯ ที่ดีที่สุดในประเทศไทย
หาทรัพย์ที่ชอบ ในราคาที่ใช่ ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว