แจกทิปส์! เลือกมิเตอร์ไฟฟ้าให้เหมาะกับบ้าน พร้อมวิธีอ่านค่ามิเตอร์ไฟ อ่านอย่างไรให้ถูกต้อง
สำหรับ มิเตอร์ไฟฟ้า นั้นถือเป็น อุปกรณ์พื้นฐานที่ทุกบ้านต้องมี เพื่อใช้วัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าในแต่ละวัน ในคราวนี้ PropertyScout ก็อยากพาทุกคนไปดูข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับมิเตอร์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น มิเตอร์ไฟฟ้ามีกี่ขนาด รวมถึงวิธีการเลือกขนาดให้ถูกต้องตามจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ พร้อมวิธีอ่านค่ามิเตอร์ไฟให้ถูกต้อง ไปดูกันเลย!
มิเตอร์ไฟฟ้า คืออะไร?
อย่างแรกมาทำความรู้จักกับมิเตอร์ไฟฟ้ากันก่อน มิเตอร์ไฟฟ้า คือ เครื่องมือวัดพลังงานไฟฟ้าต่อระยะเวลาที่ใช้งาน ซึ่งปกติจะติดตั้งเครื่องวัดมิเตอร์ไฟฟ้าในบริเวณพื้นที่ภายนอกบ้านหรือภายนอกอาคาร โดยจะมีหน่วยเป็นกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ไปดูกันต่อว่ามีอยู่ทั้งหมดกี่ประเภท
มิเตอร์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท?
มิเตอร์ไฟฟ้า มีหลายประเภทด้วยกันดังต่อไปนี้
- มิเตอร์ไฟสำหรับบ้านอยู่อาศัย
- มิเตอร์ไฟสำหรับกิจการขนาดเล็ก
- มิเตอร์ไฟสำหรับกิจการขนาดกลาง
- มิเตอร์ไฟสำหรับกิจการขนาดใหญ่
- มิเตอร์ไฟสำหรับกิจการเฉพาะอย่าง
- มิเตอร์ไฟสำหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
- มิเตอร์ไฟสำหรับกิจการสูบน้ำเพื่อการเกษตร
- มิเตอร์ไฟสำหรับผู้ใช้ไฟชั่วคราว
มิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับบ้านที่พักอาศัยมีขนาดไหนบ้าง
มิเตอร์ไฟฟ้ามีอยู่ด้วยกันหลายประเภท และหลายขนาด แต่ในบทความนี้ เราจะมาว่ากันด้วยมิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับบ้านพักอาศัย
สำหรับการดูขนาดของมิเตอร์ไฟฟ้านั้น สามารถสังเกตได้จากตัวเลขในช่องบนมิเตอร์ เช่น 5(15) A หมายความว่า เป็นมิเตอร์ไฟขนาด 5 แอมป์ สามารถใช้ไฟได้มากถึง 15 แอมป์ ขนาดของมิเตอร์ไฟฟ้า มีดังนี้
เปรียบเทียบขนาดมิเตอร์กับปริมาณการใช้ไฟฟ้า
- มิเตอร์ 5(15) เฟส 1 สามารถใช้ไฟได้ไม่เกิน 15 แอมแปร์
- มิเตอร์ 15(45) เฟส 1 สามารถใช้ไฟได้ 11-30 แอมแปร์
- มิเตอร์ 30(100) เฟส 1 สามารถใช้ไฟได้ 31-75 แอมแปร์
- มิเตอร์ 50(150) เฟส 1 สามารถใช้ไฟได้ 76-100 แอมแปร์
- มิเตอร์ 15(45) เฟส 3 สามารถใช้ไฟได้ไม่เกิน 30 แอมแปร์
- มิเตอร์ 30(100) เฟส 3 สามารถใช้ไฟได้ 31-75 แอมแปร์
- มิเตอร์ 50(150) เฟส 3 สามารถใช้ไฟได้ 76-100 แอมแปร์
- มิเตอร์ 200 เฟส 3 สามารถใช้ไฟได้ 101-200 แอมแปร์
- มิเตอร์ 400 เฟส 3 สามารถใช้ไฟได้ 201-400 แอมแปร์
เลือกขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าให้เหมาะกับบ้าน ต้องทำอย่างไร?
ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะสมในการใช้งานในบ้านเรือนทั่วไป จะต้องพิจารณาถึงจำนวนสมาชิกในบ้าน และจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งปัจจุบัน และเผื่อในอนาคตมีเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมากกว่าเดิม
เราสามารถคำนวณเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองว่าบ้านของเราเหมาะกับขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าเท่าไหร่ โดยนำกำลังไฟฟ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดนั้น (วัตต์) ซึ่งสามารถดูได้จากฉลากบนเครื่องใช้ไฟฟ้า มาหารด้วยความต่างศักย์ (โวลต์) และคูณด้วยจำนวนอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดนั้น และนำกระไฟฟ้าทั้งหมดมาบวกรวมกัน และคูณด้วย 1.25 (ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่อาจจะใช้มากขึ้นในอนาคต) ยกตัวอย่างเช่น
ตัวอย่าง
- พัดลมตั้งพื้น 70 วัตต์ จำนวน 2 ตัว คิดเป็นกระแสไฟฟ้า (70 ÷ 220) x 2 = 0.64 แอมแปร์
- หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ 36 วัตต์ จำนวน 6 หลอด คิดเป็นกระแสไฟฟ้า (36 ÷ 220) x 6 = 0.98 แอมแปร์
- เครื่องปรับอากาศ 1,200 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง คิดเป็นกระแสไฟฟ้า 1,200 ÷ 220 = 5.45 แอมแปร์
- หม้อหุงข้าว 450 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง คิดเป็นกระแสไฟฟ้า 450 ÷ 220 = 2.04 แอมแปร์
- เตารีด 450 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง คิดเป็นกระแสไฟฟ้า 450 ÷ 220 = 2.04 แอมแปร์
- โทรทัศน์ 40 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง คิดเป็นกระแสไฟฟ้า 40 ÷ 220 = 0.18 แอมแปร์
- ตู้เย็น 70 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง คิดเป็นกระแสไฟฟ้า 70 ÷ 220 = 0.32 แอมแปร์
กระแสไฟฟ้าจากเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดรวมกันจะเท่ากับ 11.65 แอมป์ เมื่อนำมาคูณกับ 1.25 จะได้ประมาณ 14.56 แอมแปร์ ถือว่ายังสามารถใช้ขนาดเมิเตอร์ 5(15) ได้เนื่องจากยังไม่เกิน 15 แอมแปร์ และปกติเราจะไม่ได้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อม ๆ กันอยู่แล้ว แต่หากเผื่อในอนาคตจะมีการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่ม แนะนำว่าให้ติดมิเตอร์ขนาดที่ใหญ่ขึ้นจะเหมาะกว่า และเพื่อความปลอดภัย ซึ่งอาจจะเป็นมิเตอร์ขนาด 5(45) แอมแปร์ก็ได้ |
วิธีอ่านค่ามิเตอร์ไฟฟ้า
สำหรับวิธีอ่านค่าบนหน้าปัดมิเตอร์หลัก ๆ จะมีกรอบตัวเลขให้เห็นทั้งหมด 5 ตัว ที่บอกจำนวนหน่วยที่ได้ใช้งาน ซึ่งเวลาจะนับก็ต้องดูว่ามิเตอร์ของเรานั้นเป็นแบบไหน
หากช่องสุดท้ายมีจุดทศนิยม หรือมีกรอบสีที่ต่างจากพวก ก็ไม่ต้องอ่านตัวสุดท้าย สามารถอ่านแค่ 4 ตัวหน้าเท่านั้น แต่ถ้าช่องสุดท้ายไม่มีจุดทศนิยม ก็ให้อ่านทั้ง 5 ตัวเลย
กรณีอ่านมิเตอร์ผิดจะเกิดความต่างมากไหม?
ยกตัวอย่างในกรณีที่มีจุดทศนิยม สมมุติว่าจดมิเตอร์เดือนก่อนหน้าได้ 1234.5 แปลว่าจะจดจริง ๆ แค่ 4 ตัวหน้า คือ 1234 หน่วย
แต่ในเดือนต่อมา ผู้จดเป็นอีกคน และด้วยความไม่รู้ เห็นเลข 11985 ก็จดมาครบ 5 ตัวเลย ซึ่งพอมาหักลบ 11985 - 1234 = 10751 หน่วย ซึ่งเป็นความต่างที่ค่อนข้างสูงทีเดียว
NO. บนมิเตอร์ไฟฟ้าคืออะไร?
NO. คือตัวเลขที่ระบุไว้ เพื่อที่จะได้ดูว่าอันไหนคือมิเตอร์ของเรา รวมถึงแรงดันไฟฟ้า และเฟสของไฟที่ใช้
ใครบ้างที่สามารถขอใช้ไฟฟ้าได้?
สำหรับคนที่ซื้อที่ดินและปลูกบ้านเอง แล้วต้องการขอใช้ไฟฟ้า จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- เจ้าของที่ดิน หรือเจ้าของสถานที่ใช้ไฟฟ้า
- ผู้ขอใช้ไฟฟ้ามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านที่ใช้ไฟฟ้า
- ผู้เช่า หรือผู้เช่าซื้อสถานที่ใช้ไฟฟ้า
- ผู้ประกอบการในสถานที่ใช้ไฟฟ้า
ติดต่อเพื่อขอใช้ไฟได้ที่ไหน และมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
ผู้ขอใช้ไฟฟ้าสามารถติดต่อและยื่นคำร้องได้ที่สำนักงานการไฟฟ้าทุกแห่ง
- หลังจากได้รับคำร้องขอใช้ไฟฟ้า พร้อมเอกสารประกอบครบถ้วนแล้ว เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจะเข้าไปตรวจสอบการเดินสายไฟในอาคาร หากยังไม่เดินสายไฟฟ้าให้เดินสายให้เรียบร้อยแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ
- เมื่อตรวจสอบการเดินสายไฟฟ้าแล้วพบว่ามีการเดินสายไฟที่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ผู้ขอใช้ไฟฟ้าชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แต่ถ้าการเดินสายไฟไม่ถูกต้อง ไม่ปลอดภัยก็จะแจ้งให้ดำเนินการแก้ไข และตรวจสอบอีกครั้ง โดยค่าธรรมเนียมนั้นการไฟฟ้าจะกำหนดไว้ตามประเภทและขนาดของมิเตอร์ที่ขอติดตั้ง
- ผู้ขอใช้ไฟฟ้าชำระค่าธรรมเนียมและรับใบเสร็จไว้เป็นหลักฐาน
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่การไฟฟ้า คลิก
*กรณีพักอาศัยอยู่ต่างจังหวัดให้ติดต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค |
สรุปส่งท้าย
มิเตอร์ไฟฟ้า มีหลายขนาด ซึ่งแต่ละบ้านจะต้อง เลือกให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกภายในบ้าน รวมถึงจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งปัจจุบันและทางที่ดีห้คิดเผื่อในอนาคตด้วย เพื่อให้สามารถใช้งานไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และทางเราหวังว่าทุกคนจะสามารถอ่านหน้าปัดมิเตอร์ได้อย่างถูกต้องเพื่อประโยชน์ของตัวเอง!
มองหาโครงการอสังหาเปี่ยมคุณภาพได้ที่ PropertyScout
แพลตฟอร์มซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ในไทย คลิกเลย