รีวิว Life One Wireless – ความหรูหราใจกลางเพลินจิต!
อีกหนึ่งคอนโด Facilities ครบที่ใคร ๆ ก็ถามหา!
สวัสดีค่า วันนี้ PropertyScout จะพาทุกคนมารู้จักกับโปรเจคเริ่ด ๆ น่าสนใจ สไตล์หรูหราที่ตั้งอยู่ตรงเพลินจิตอย่าง Life One Wireless ที่รายล้อมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ และทำเลชิค ๆ แบบคนเจนใหม่ อีกทั้งยังสามารถไปทำงานได้หลายที่อีกด้วย ส่วนรายละเอียดจะเป็นยังไง มาอ่านกันเลย!
ทำเลที่ตั้งของ โครงการ Life One Wireless
โครงการ Life One Wireless ตั้งอยู่บน ถนนวิทยุ ถนนเก่าแก่ใจกลางเพลินจิต และห่างจาก BTS เพลินจิตประมาณ 800 ม. เดินประมาณ 10 นาทีเท่านั้นก็ถึงแล้ว อีกทั้งยังสามารถออกไปเที่ยวหรือหาอะไรกินที่ Central Embassy ได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกโครงการที่ใคร ๆ ก็อยากได้ เพราะทั้งราคา ทำเล รวมถึงห้องพักนั้นก็คุ้มค่าและน่าอยู่ไม่แพ้กันเลยทีเดียว
การเดินทางมายัง โครงการ Life One Wireless
รถยนต์ : เนื่องจากอยู่ติดกับถนนวิทยุ ดังนั้น ท่านสามารถโดยสารรถยนต์ส่วนตัวของท่านมาลงที่นี่ผ่านเส้นตัดผ่านอย่าง ถนนเพชรบุรี, สุขุมวิท, เพลินจิต, พระราม 4 และสาทร ได้เลย!
รถสาธารณะ : นับเป็นจุดเด่นของที่ Life One Wireless เลยก็ว่าได้ กับการเดินทางมาโดยไม่ต้องพึ่งรถยนต์! เพราะที่นี่เป็นทำเลที่ติดกับขนส่งสาธารณะมากมายที่อำนวยความสะดวกให้เราได้อย่างไม่น่าเชื่อ
- รถไฟฟ้า (BTS) : สามารถเดินทางไปขึ้น BTS สถานีเพลินจิตได้เลย ห่างประมาณ 800 ม. เดินเพียง 10 นาทีเท่านั้น หรือถ้าไม่สะดวกเดิน เราก็สามารถนั่งรถออกมาได้เช่นกันนะ
- แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ : ในส่วนของรถสาธารณะประเภทนี้ เรียกได้ว่ามีผ่านตลอดเพราะว่าติดกับถนนใหญ่นั่นเอง หรือจะเรียกรถมาในแอปก็ได้เช่นกัน
- ท่าเรือ : สามารถเดินตรงมาขึ้นท่าเรือสะพานวิทยุได้เลย เพราะห่างไม่ถึง 100 ม. เท่านั้นเอง อีกทั้งเส้นทางการเดินเรือสายนี้ยังเป็นสายที่อยู่ใจกลางเมืองอีกด้วย จะไปไหนก็สะดวกทั้งนั้น
พิกัดโครงการ : 13.748214616396137, 100.5485720481388
แหล่งอำนวยความสะดวกใกล้ Life One Wireless
ร้านอาหาร, คาเฟ่ : เชฟแมน, Lady L Garden Bistro, Samantao Heritage Coffee, The Porch, BEAST SMASH - Sliders & Pizzas, l'angolo caffe'
ผับ, บาร์ : Mod Kaew Wine Bar
สถานที่ท่องเที่ยว : บ้านปาร์คนายเลิศ, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี
สถานศึกษา : โรงเรียนวัดดิสหงสาราม, โรงเรียนมักกะสันพิทยา
ศาสนสถาน : วัดดิสหงษาราม (วัดมักกะสัน)
สถานพยาบาล : โรงพยาบาล บุรฉัตรไชยากร, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
อาคารสำนักงาน : อาคารวานิช 2, โฮมโปร เพลินจิต, อาคารมหาทุน พลาซ่า
หน่วยงานอื่น ๆ : สถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์
รายละเอียดโครงการ โครงการ Life One Wireless
โครงการ Life One Wireless นั้น เป็นคอนโดน้องใหม่จากเครือผู้พัฒนาอย่าง AP ดังนั้น การออกแบบจะมีความเป็น AP มาก ๆ ตัวโครงการนั้นเป็นคอนโด High Rise สูง43 ชั้น ภายในมี 1,344 ยูนิต บนพื้นที่กว่า 4-2-47.1 ไร่ ตัวตึกจะเน้นดีไซน์ไปที่ความไฮเอนด์ ดูหรูหราแต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าแก่ เป็นโครงการที่ดีไซน์ออกมาได้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยมาก ๆ เลยทีเดียว
จุดเด่น
Life One Wireless นั้นมีจุดเด่นอยู่ที่ทำเล เพราะเป็นอีกหนึ่งโครงการคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านเพลินจิต และยังติดอยู่กับถนนวิทยุอีกด้วย ซึ่งถนนวิทยุนี่แหละที่เรียกได้ว่าเป็นจุดขาย เพราะเป็นถนนที่มีทำเล ความโดดเด่นและมูลค่าสูงที่สุดในกรุงเทพ ฯ นั่นเอง!
อีกทั้งยังมีอีกจุดเด่นคือการเดินทาง เนื่องจากว่าเป็นโครงการที่เรียกได้ว่า เดินทางไปได้ทุกที่ในกรุงเทพ ฯ เพราะตัวโครงการนั้นอยู่ใกล้กับแหล่งคมนาคมต่าง ๆ โดยเฉพาะท่าเรือสะพานวิทยุที่เดินไม่ถึง 2 นาทีก็ถึง หรือจะไปต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวอย่างเพลินจิตก็ทำได้
Facilities
1st Floor
- Drop-Off
- เริ่มต้นที่จุดส่งคนหรือ Drop-Off ได้รับแรงบันดาลใจการดีไซน์มาจากต้นโพธิ์ เพราะเป็นต้นไม้เก่าแก่ที่อยู่ในพื้นที่นี้มาก่อน อีกทั้งยังเป็นต้นไม้เก่าแก่อีกด้วย ก็เลยได้นำมาปรับรูปแบบให้เข้าไปกับทางโครงการ หรูหราแต่ก็ยังคงไว้ถึงอดีตของพื้นที่
- BOTANIC METROPOLIS
- สวน One Wireless Botany พื้นที่แห่งธรรมชาติที่มีความกว้างมากกว่า 1 ไร่ ภายในเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้มากมาย พร้อมกับภูมิทัศน์สุดสบายตา นอกจากนี้แล้วภายในยังมีการผสมผสานการออกแบบไปกับ Evergreen River ได้อย่างกลมกลืน สามารถนั่งผ่อนคลายไปกับลมธรรมชาติได้อีกด้วย ถูกใจคนรักธรรมชาติมาก ๆ เลยล่ะ!
- Semi-Lobby
- ล็อบบี้ตรงนี้นั้น จะเป็นล็อบบี้ที่เมื่อเข้ามาจากจุด Drop Off ก็จะเจอเลย การออกแบบเน้นไปทางธรรมชาติ บรรยากาศสบาย ๆ จะเห็นได้เลยว่าฝั่งซ้ายมีการออกแบบตามคอนเซปต์ Sunken Seat หรือที่นั่งแบบอาบแดด สามารถมองออกไปเห็นสวนได้
- Lobby
- มาต่อกันที่ล็อบบี้ด้านใน ล็อบบี้นี้จะเป็นล็อบบี้ที่อยู่ถัดมาจาก Semi-Lobby มีที่นั่งให้พักผ่อนสบาย ๆ สามารถนั่งรอคนอื่นได้ อีกทั้งยังเน้นการออกแบบเป็นกระจกเพื่อให้สามารถรับแสงได้และไม่รู้สึกอึดอัด
- Library
- ห้องสมุดของที่นี่นั้นจะเป็น 2 ชั้น แม้ขนาดจะไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ต้องบอกว่า เหมาะกับการอ่านหนังสือมาก ๆ ชั้นล่างจะเป็นโต๊ะขนาดกลาง สามารถนั่งอ่านหนังสือหรือประชุมได้
10th Floor
- CASCADE GARDEN
- สวนสวยลอยฟ้า หรือ High Garden Promenade สามารถมองเห็นวิวเมืองรอบ ๆ ได้อย่างเต็มที่เพราะตั้งอยู่ที่ชั้น 10 ไม่สูงเกินไป ไม่เตี้ยเกินไป เป็นวิวระดับสายตาที่สวยมาก ๆ ตัวสวยนั้นล้อมรอบไปด้วยสระน้ำกว้างอย่าง Square Lagoon ที่เน้นการจัดวางหินให้คงคอนเซปต์ธรรมชาติและให้ความเป็นส่วนตัวได้อย่างลงตัว
42nd Floor
- THE VISTA DECK
- จุดชมวิวแบบพาโนราม่า เป็นโซนสวนพักผ่อนและนั่งชิลอยู่บริเวณชั้น 42 ของอาคารหรือเรียกได้ว่า เป็นชั้นดาดฟ้าเลยทีเดียว เล่นเลเยอร์ให้น่าสนใจมากขึ้นด้วยการออกแบบสไตล์ Amphitheater ให้ความรู้สึกอิสระ ผ่อนคลาย เหมาะกับคนรุ่นใหม่มาก ๆ
- Leisure Theater Room
- โวนเอนเตอร์เทนที่ใคร ๆ ก็ชอบ กับการดูหนังเพลิน ๆ บนความสูงที่ชั้น 42 เห็นวิวเมืองได้อย่างชัดเจน ออกแบบมาอย่างดีและหรูหรา อีกทั้งเชื่อมต่อกับ Roof Hideaway Bar อีกด้วย
- Roof Hideaway Bar
- ตรงนี้จะเป็นแอเรียที่นั่งพักผ่อน อีกทั้งยังเป็นทางเชื่อมระหว่าง Sky Bar ที่เป็นแบบ Outdoor สามารถนั่งสังสรรค์กันยามเย็นที่พร้อมชมวิวได้อีกด้วย
- CO-WORKING SPACE
- โซนที่ขาดไปไม่ได้ถ้าเป็นคอนโดของคนรุ่นใหม่ นั่นก็คือ Co-Working Space นั่นเอง! การดีไซน์นั้นจะทำมาให้เราสัมผัสถึงความหรูหราแต่ไม่แก่ ถ้าคิดงานไม่ออกก็สามารถนั่งชมวิวจากหน้าต่างได้เช่นกัน
43rd Floor
- DAZZLING POOL
- สระว่ายน้ำที่นี่ ต้องบอกเลยว่าวิวสวยมาก เพราะเป็นสระที่คุณจะเห็นท้องฟ้าได้อย่างเต็มที่ ผ่อนคลายได้มากกว่าที่เคย แถมยังมีความเป็นส่วนตัวอีกด้วย เนื่องจากตัวสระมีความยาวกว่า 35 เมตร เรียกได้ว่าไม่เบียดกันแน่นอน
หรือใครที่อยากได้การผ่อนคลายแบบเต็มที่ ที่นี่มีสระจากุชชี่ให้ด้วยนะ ยิ่งมากลางคืนยิ่งสวยอย่าบอกใคร ทั้งวิวที่สระ ทั้งวิวเมือง และแสงไฟนวล ๆ จากรอบ ๆ สระ
- สระว่ายน้ำที่นี่ ต้องบอกเลยว่าวิวสวยมาก เพราะเป็นสระที่คุณจะเห็นท้องฟ้าได้อย่างเต็มที่ ผ่อนคลายได้มากกว่าที่เคย แถมยังมีความเป็นส่วนตัวอีกด้วย เนื่องจากตัวสระมีความยาวกว่า 35 เมตร เรียกได้ว่าไม่เบียดกันแน่นอน
นอกจากนี้ยังมี Facilities อื่น ๆ อีกมากมายเลยนะ ทั้ง
- SUANA
- Fitness
- Amphitheater Wireless Social Club
- SKY BAR
ผังชั้น
Ground Floor
ชั้นนี้จะเป็นชั้นแรกของตึก จะระบุไปด้วย ล็อบบี้ ทั้งด้านในและด้านนอก, ห้องจดหมาย, ร้านค้า, ลานจอดรถชั้นล่าง, รวมไปถึงลิฟต์ที่มีมากถึง 7 ตัวด้วยกัน อีกทั้งแอเรียนสีเขียวด้านนอกนั้น เขายังทำเป็น BOTANIC METROPOLIS หรือสวนสีเขียวที่มีความกว้างกว่า 1 ไร่อีกด้วย
5th - 8th Floor
ในส่วนของชั้น 5 ถึง 8 นั้น ด้านขวาของผังจะเป็นลานจอดรถ โดยจะมีทางเชื่อมเข้าสู่อาคารที่พักอาศัยได้เลยทันที โดยภายในชั้นจะมีตั้งแต่ห้องสตูดิโอไปจนถึง 2 ห้องนอน โดยที่ห้องสองห้องนอนนั้นจะอยู่ที่ริมทางเดินของอีกฝั่งนั่นเอง
10th Floor
ในส่วนของชั้น 10 นั้น พื้นที่ด้านขวานั้นจะถูกปรับให้เป็นสวนลอยฟ้าหรือที่รู้จักกันในชื่อ CASCADE GARDEN หากสังเกตดี ๆ ในบริเวณห้องริมสวนนั้น จะมีทางเดินที่ออกมายังสวนได้ด้วย ส่วนภายในก็จะมีห้องนอนตั้งแต่สตูดิโอจนไปถึง 2 ห้องนอนนั่นเอง
14th - 32th Floor
ถัดมาที่ตั้งแต่ชั้น 14 ถึง 32 นั้นจะเป็นโซนที่พักอาศัยโดยเฉพาะ ไม่มี Facilities อะไรเพิ่มเติมแล้วนั่นเอง
33th Floor
ในส่วนของชั้น 33 นั้น จะมีส่วนต่อขยายเพิ่มออกมาในส่วนริมซ้ายนั่นเอง
34th - 35th Floor
ในชั้นที่ 34 ถึง 35 นั้น ส่วนริมซ้ายนั้นจะมีการเปลี่ยนจากห้อง 2 ห้องนอนเป็น 1 ห้องนอนนั่นเอง
36th Floor
ในส่วนของชั้น 36 นั้น ริมซ้ายจะมีการลดห้องลงมาห้องนึงตามโครงสร้างตึก แต่ตัวโครงสร้างจะยังไม่ได้หายไป
37th - 38th Floor
ในส่วนของชั้น 37 นั้น ริมซ้ายจะมีการลดห้องลงมาห้องนึงตามโครงสร้างตึก จะเห็นได้ว่าตัวโครงตึกตรงนั้นได้หายไปแล้ว
39th Floor
ในส่วนของชั้น 39 นั้น ริมซ้ายจะมีการลดห้องลงมาห้องนึงตามโครงสร้างตึกเช่นเดียวกับชั้น 36 แต่ตัวโครงสร้างจะยังไม่ได้หายไป
40th Floor
ชั้น 40 นั้น ห้องจะเป็นเหมือนเดิมทั้งหมด และมีการลดจำนวนห้องลงตามโครงสร้างตึกเรียบร้อยแล้ว
41st Floor
ชั้น 41 นั้น จะมีแผนผังชัดเจนเหมือนกับชั้น 40 เลยนั่นเอง
42nd Floor
ชั้น 42 จะเป็นชั้นที่จะเป็น Facilities ที่มีทั้งในร่มและกลางแจ้ง ในร่มนั้นจะเป็น Co-Working Space ที่มีขนาดกว้างมาก ๆ และเป็นโซนที่มีแสงแดดส่องบาง ๆ ถัดไปด้านขวาของ Co-Working Space นั้นจะเป็นส่วนของ Sky Bar และที่พักผ่อน ส่วนด้านล่างซ้ายนั้นจะเป็น THE VISTA DECK หรือส่วนพักผ่อนนั่นเอง
43rd Floor
ชั้นบนสุดนั้นจะเป็นชั้นที่รวม Facilities ที่ต้องใช้พื้นที่เยอะ ๆ ไว้ ตั้งแต่สระว่ายน้ำอย่าง DAZZLING POOL ที่มีความยาวกว่า 37 ม. ไปจนถึงฟิตเนสและพื้นที่พักผ่อน
แบบห้องพักอาศัย โครงการ Life One Wireless
โครงการ The Met Sathorn มีห้องพักให้เลือกหลากหลายแบบ ได้แก่
Studio
แปลนห้อง
Studio Type B - 28 sqm.
ตัวห้องสตูดิโอนี้นั้น แม้จะไม่ได้มีขนาดที่กว้างมาก แต่ก็ต้องบอกว่าภายในห้องนั้นทุกอย่างคือมีครบจริง ๆ ตั้งแต่โซนครัว ไปจนถึงห้องน้ำและห้องนอน ถ้าจากผัง จะเห็นได้เลยว่า ทางโครงการได้มีตัวเคาน์เตอร์ครัว อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและสุขภัณฑ์มาให้แล้ว
จุดเด่น มีพื้นที่กะทัดรัด อีกทั้งยังมีการแบ่งสัดส่วนห้องครัวออกจากห้องรับแขกชัดเจน สามารถป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
1 Bedroom
แปลนห้อง
1 Bedroom(Plus) Type C - 35 sqm.
ตัวห้อง 1 ห้องนอนนี้จะเห็นได้เลยว่าเมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งแรกที่จะต้องเจอก็คือห้องรับแขก ต่างจากห้องแบบสตูดิโอที่เปิดมาแล้วจะเจอห้องครัว ตรงเข้าไปจะเจอกับห้องนอนก่อน เมื่อเข้าไปด้านใน ด้านขวามือจะเป็นห้องที่สามารถปรับเป็นห้องอะไรก็ได้ติดกับระเบียง เมื่อเลี้ยวขวาไปสิ่งแรกที่จะเห็นก็คือโซนครัวที่ไม่ได้มีประตูกั้น ตามด้วยห้องน้ำ
ตัวโครงการจะให้เคาน์เตอร์ครัว อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า รวมไปถึงสุขภัณฑ์เช่นเดิม
จุดเด่น จะมีพื้นที่ที่กว้างมากขึ้น มีการแบ่งสัดส่วนห้องชัดเจน ทั้งห้องนอนและห้องทำงาน เหมาะกับการอยู่ 1-2 คน มีการแบ่งโซนชัดเจน
1 Bedroom Type D - 38 sqm.
ตัวห้อง 1 ห้องนอน Type D นั้น จะมีความกว้างขึ้นมาอยู่ที่ 38 ตร.ม. แต่จะต่างกับห้อง Type C ที่ว่า เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับโซนห้องครัวก่อนที่จะเป็นโซนห้องนั่งเล่น เมื่อตรงไปสุด จะเจอกับระเบียงห้อง หลังจากนั้น เมื่อกลับมาแล้วเลี้ยวด้านขวา จะเจอกับห้องนอนก่อน ซึ่งห้องนอนนี้จะใหญ่มาก เพราะรวมห้องนอนกับห้องทำงานเข้าไว้ด้วยกัน
ในส่วนของห้องน้ำนั้น จะมีทางออกอยู่ 2 ทาง ทางแรกเข้าไปผ่านห้องครัว และอีกทางเข้าผ่านห้องนอน ตัวโครงการให้เคาน์เตอร์ อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า อีกทั้งยังรวมถึงสุขภัณฑ์เลยนั่นเอง
จุดเด่น พื้นที่ทั้งหมดจะถูกรวมกันไว้ เหมาะกับการใช้งานแบบสะดวกสบายมากกว่า ไม่ต้องแบ่งหลายห้องให้วุ่นวาย
2 Bedroom
แปลนห้อง
2 Bedroom Type G A - 63 sqm.
สำหรับ 2 ห้องนอนแบบแรกนั้นจะเจอกับโซนห้องครัวริมประตูก่อน จากนั้นเมื่อตรงไปจะเจอกับห้องรับแขกซึ่งเป็นโซนที่มีพื้นที่กว้างมาก ๆ และระเบียง เมื่อเลี้ยวไปด้านซ้าย จะเจอกับทางเดินเข้าห้องต่าง ๆ ทางด้านขวา จะเจอกับห้องนอนเล็กก่อน และด้านซ้าย จะเป็นห้องน้ำห้องแรก
เมื่อตรงไปต่อนั้น จะเจอกับห้องนอนใหญ่อย่าง Master Bedroom ที่ภายในนั้นจะมีห้องน้ำอยู่ภายในนั่นเอง
จุดเด่น อย่างแรกคือเป็นห้องที่มีความกว้าง สามารถวิ่งเล่นได้ เหมาะกับผู้ที่มีลูกเล็กอยู่ด้วย อีกทั้งส่วนอื่น ๆ ก็มีความสะดวกสบายไม่แพ้กันเลย
2 Bedroom Type G B - 63 sqm.
สำหรับ 2 ห้องนอนแบบที่สองนั้น เมื่อเปิดเข้ามาก็จะเจอกับกำแพงที่ไว้เป็นโซนวางของได้ จากนั้นก็จะเข้ามาเจอกับห้องรับแขกที่มีความกว้างพอ ๆ กับประเภทแรก ที่สำคัญ ยังมีระเบียงอยูด้านกึ่ง ๆ ทิศตะวันออก เมื่อออกไปด้านซ้ายก็จะเจอกับห้องครัวขนาดพอดีพอเหมาะ ด้านในจะแบ่งโซนห้องนอนทั้ง 2 ห้องชัดเจนระหว่างห้องเล็กและใหญ่
จุดเด่น ความพิเศษของห้องนี้ก็คือ จะมีประตูบานเลื่อนกั้นห้องครัวห้องจากโซนอื่น ทำให้ไม่มีกลิ่นรบรบกวนการอยู่อาศัย
2 Bedroom Type G C - 63 sqm.
สำหรับ 2 ห้องนอนแบบที่สาม เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งแรกที่จะเจอคือห้องรับแขกและห้องครัว แต่รอบนี้การวางผังจะต่างออก เพราะจะเห็นได้ว่า ห้องนอนจะขนาบซ้ายขวาไปกับโซนรับแขกนั่นเอง
จุดเด่น การออกแบบแบบนี้จะทำให้ทุก ๆ ห้องนั้นสามารถเข้าสู่โซนห้องรับแขกได้ง่ายขึ้น ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและส่วนห้องตรงกลางนั้นกลายเป็นแอเรียของการอยู่ร่วมกันอย่างชัดเจน
ราคาของ โครงการ Life One Wireless
โครงการ Life One Wireless ราคา ณ ตุลาคม 2565
- ราคาขาย
- Studio ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4.9 ล้านบาท
- 1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5.95 ล้านบาท
- 2 ห้องนอน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6.8 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ย 155,000 บาท/ตร.ม.*
- ราคาเริ่มต้น 4.29 ล้านบาท*
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
ราคาค่าส่วนกลางคอนโด
- ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
Life One Wireless เป็นคอนโดบนถนนวิทยุที่มีทำเลที่ดีมาก ๆ เพราะอยู่ใกล้กับทุกการเดินทาง ทั้งรถ เรือ รถไฟฟ้า และรถสาธารณะอื่น ๆ เรียกได้ว่ามีความสะดวกมาก ๆ ส่วนตัวคอนโดนั้นจะมีความทันสมัย เหมาะกับผู้ที่อยากอยู่ท่ามกลางความสบายและ Facilities ที่ครบครัน เรากล้าพูดเลยว่า Faciliities ที่นี่มีความหรูหราและความธรรมชาติ เหมาะกับการอยู่เป็นที่สุด!
สนใจเช่า ซื้อ คอนโดสุดหรูอย่าง Life One Wireless คลิกด้านล่างได้เลย!
หากท่านสนใจอสังหาริมทรัพย์ บนทำเลใกล้ BTS เพลินจิต สามารถติดต่อ PropertyScout ได้เลย