เรื่องที่ต้องรู้ก่อนรีโนเวทบ้าน ‘รีโนเวทแบบไหนไม่ต้องขออนุญาตสำนักงานเขต’
สำหรับคนที่กำลังจะซื้อบ้าน หรือมีบ้านอยู่แล้ว เชื่อว่าในหลาย ๆ ครั้งอาจจะไปเห็น reference การต่อเติมบ้านรูปแบบต่าง ๆ หรือบางคนก็อาจมี ไอเดียปรับเปลี่ยน ดัดแปลงบางส่วนของบ้านเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย สำหรับการใช้งานที่ตอบโจทย์มากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วโครงการจัดสรรส่วนใหญ่จะออกแบบตัวบ้านให้สอดคล้องกับเนื้อที่ดิน มีสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ และเสาเข็มส่วนใหญ่ที่เลือกใช้ก็เป็นขนาดที่รองรับบ้านตามแบบที่ออกแบบไว้ หากเจ้าของบ้านต้องการจะ รีโนเวทต่อเติม ก็จะต้องเข้าไป ขออนุญาตกับสำนักงานเขต ให้เรียบร้อย ในคราวนี้ PropertyScout จะพาไปดูกันว่า การต่อเติมบ้านแบบไหนที่เป็นข้อยกเว้น ไม่ต้องไปขออนุญาตกับสำนักงานเขตให้เสียเวลา ไปดูกันเลย!
รีโนเวทแบบไหนไม่ต้องขออนุญาต?
- การ 'เพิ่ม' หรือ 'ลด' เนื้อที่ของพื้นชั้นใดชั้นหนึ่งรวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน ซึ่งหมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตารางเมตร ก็ต้องขออนุญาต
- การ 'เพิ่ม' หรือ 'ลด' เนื้อที่ของหลังคารวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน หมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตารางเมตร ก็ต้องขออนุญาต
- การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุ ขนาด จำนวน และชนิดเดียวกับของเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็นวัสดุที่แตกต่างจากเดิม ต้องขออนุญาต
- การเปลี่ยนส่วนใด ๆ ภายในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุชนิดเดียวกับของเดิม หรือวัสดุชนิดอื่นที่ไม่ได้เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างของอาคารเดิมเกิน 10% ของน้ำหนักเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงส่วนใด ๆ ภายในบ้านด้วยวัสดุที่แตกต่างจากเดิม หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่า 10% ของน้ำหนักเดิม ต้องขออนุญาต
- การเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ส่วนใด ๆ ก็ตามในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร และไม่เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างเกิน 10% ของโครงสร้างอาคารเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ในบ้านด้วยวัสดุที่แตกต่างจากเดิม หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่า 10% ของน้ำหนักเดิม ต้องขออนุญาต
อย่างไรก็ตามถ้าลองพิจารณาจากข้อยกเว้นข้างต้นแล้ว จะเห็นว่า แบบต่อเติมบ้านส่วนใหญ่ที่เรา ๆ ทำกันอยู่ ล้วนต้องขออนุญาต เพราะพื้นที่ที่เราต่อเติม ส่วนใหญ่จะเกินกว่า 5 ตารางเมตร
ขั้นตอนในการขออนุญาตก่อนต่อเติมบ้าน
เหตุผลสำคัญที่ภาครัฐกำหนดว่า ต้องขออนุญาตต่อเติมก่อนนั้น เป็นเพราะความปลอดภัยทั้งของเจ้าของบ้านที่ต่อเติมเองและเพื่อนบ้านใกล้เคียง แบบต่อเติมบ้านนั้นอาจส่งผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไปยังเพื่อนบ้าน หรือชุมชนใกล้เคียง ดังนั้น การต่อเติมจึงควรขออนุญาตให้ถูกต้องก็ดีกว่า โดยขั้นตอนในการขออนุญาต มีดังนี้
- ติดต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่บ้านของเราตั้งอยู่ เช่น ถ้าบ้านของเราอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ดำเนินเรื่องผ่านสำนักงานเขตกรุงเทพมหานครที่พื้นที่ที่บ้านเราตั้งอยู่ ส่วนถ้าเป็นต่างจังหวัด เราอยู่จังหวัดไหน เราก็แจ้งกับองค์การบริหารจัดการส่วนท้องถิ่นของจังหวัดนั้น ๆ
- ยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้างอาคาร, ดัดแปลงอาคาร, รื้อถอนอาคาร
- เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก็ต้องมายื่นขอรับใบอนุญาต ประกอบไปด้วยใบแจ้งการออกใบอนุญาตก่อสร้าง, ดัดแปลง, รื้อถอนอาคาร ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ขออนุญาต
- หลังจากนั้นให้ขอรับใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร , ดัดแปลงอาคารรื้อถอนอาคาร ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งออกใบอนุญาตไว้ แต่ทั้งนี้ เอกสารและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถามได้จากสำนักงานเขตท้องถิ่นตามพื้นที่ที่บ้านเราตั้งอยู่ ซึ่งอาจจะยุ่งยากเล็กน้อย แต่ทำตามความถูกต้อง ก็ปลอดภัยทั้งกับตัวเองและชุมชนรอบข้าง
ต่อเติมบ้านโดยไม่ได้ขออนุญาตมีโทษอย่างไรบ้าง?
หากต่อเติมบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือแบบต่อเติมบ้านผิดไปจากแบบแปลนที่ยื่นขอไว้ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่าลืมแจ้งเพื่อนบ้านก่อนรีโนเวท อีกสิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืม
เมื่อได้แบบต่อเติมบ้านมาแล้ว นอกจากขออนุญาตกับทางการแล้ว อีกสิ่งที่ลืมไม่ได้นั่นก็คือ การแจ้งกับเพื่อนบ้าน เพื่อความสงบสุขในการอยู่อาศัยร่วมกัน อย่างว่าก็คือ 'ใจเขาใจเรา' ให้บอกกล่าวเพื่อนบ้านว่าเราจะต่อเติม รื้อถอน ตั้งแต่ช่วงวันไหนถึงวันไหน อาจทำให้เกิดความไม่สะดวก และการเปลี่ยนแปลงแบบต่อเติมบ้านเหล่านี้ อาจจะกระทบกับเพื่อนบ้านอย่างไรบ้าง เพราะหากเราต่อเติม รื้อถอน แล้วส่งผลกระทบกับเพื่อนบ้าน แม้จะดำเนินการขออนุญาตทางการอย่างถูกต้องเราก็อาจจะถูกฟ้องร้องได้เช่นกัน
สรุปส่งท้าย
ทั้งหมดในบทความนี้ก็คือการรีโนเวทบ้านแบบที่ไม่ต้องขออนุญาตต่อเติม และถึงแม้ว่าการขออนุญาตนั้นจะต้องใช้เอกสาร และ การดำเนินที่ยุ่งยากมากพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามหากเจ้าของบ้านมีแพลนที่จะต่อเติมบ้านแล้ว PropertyScout ก็แนะนำทำการขออนุญาตก่อนทุกครั้งให้เรียบร้อย ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของทั้งทรัพย์สิน และยังป้องกันการถูกฟ้องร้องจากเพื่อนบ้านได้อีกด้วย
ซื้อบ้านกับ PropertyScout พร้อมย้ายเข้าอยู่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย
มีให้เลือกกว่า 270,000 ที่ทั่วไทย คลิกเลย