ไขข้อสงสัย มีประวัติค้างชำระ ชำระค่างวดบ้านช้า จะสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้หรือไม่?
สำหรับใครที่กำลังต้องการ รีไฟแนนซ์บ้านหรือคอนโด แต่สงสัยว่าหากเคยมีประวัติ ค้างชำระ จ่ายค่างวดบ้านช้า หรือ จ่ายไม่ตรงเวลาบ้างในบางครั้ง จะรีไฟแนนซ์ได้ไหม? เนื่องจากทางธนาคารจะมีการพิจารณาประวัติทุกครั้งก่อนรีไฟแนนซ์ ซึ่งหากใครกำลังมีความกังวล หรือกำลังมองหาคำตอบอยู่ บทความนี้ PropertyScout มีคำตอบมาให้แล้ว!
ทำไมมีการจ่ายชำระค่างวดช้า ถึงมีผลต่อการขอสินเชื่อ?
ก่อนจะรู้ว่าค้างชำระ หรือชำระไม่ตรงเวลารีไฟแนนซ์ได้ไหม? มาดูเรื่องผลกระทบการจ่ายชำระค่างวดสินเชื่อกันก่อน โดยให้ลองให้นึกถึงตัวเราเป็นหลักได้เลยเวลามีคนมาขอยืมเงินเรา แล้วมีเพื่อนมาบอกว่าคนนี้ยืมเงินเราไปเหมือนกันเดือนก่อนก็จ่ายล่าช้า เดือนนี้ก็ยังไม่จ่าย เราเองก็คงมีความกังวลว่า เป็นแบบนี้แล้วถ้าเราให้ยืมไปเราจะได้เงินคืนไหม ซึ่งธนาคารก็คิดเช่นเดียวกับเรา หากปล่อยสินเชื่อให้บุคคลนี้ไปแล้วเขาจะมีความสามารถในการผ่อนชำระคืนหรือไม่ เพราะธนาคารเองก็ไม่อยากให้เกิดหนี้เสีย
หลายคนอาจจะคิดว่า แต่ถ้าเราจ่ายไม่ไหวธนาคารก็ยึดบ้านไปได้ ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไร ลองกลับมานึกถึงเราให้เพื่อนยืมเงินไป 40,000 บาท เพื่อนบอกจ่ายไม่ไหวเอาโทรศัทพ์เราไปแล้วกัน เราเองก็ไม่ได้อยากได้โทรศัพท์ใหม่ จะให้เอาไปขายก็ต้องวุ่นอีก ขายที่ไหน ขายให้ใคร จะขายได้เมื่อไร ทั้งหมดนี้คือที่มาของคำตอบว่า ทำไมการที่เราจ่ายชำระค่างวดช้าถึงมีผลต่อการขอสินเชื่อ
จ่ายช้าแค่ไหนถึงเรียกว่าจ่ายค่างวดช้า?
ถ้าเราจ่ายช้าเกิน 30 วัน หมายความว่าคุณก็จะมีประวัติการจ่ายค่างวดล่าช้าแล้ว แต่ก็ต้องบอกว่าระยะเวลาการจ่ายช้าที่ต่างกันก็ให้ผลที่ต่างกัน
- จ่ายล่าช้าไม่เกิน 90 วัน
ในกรณีก็อาจจะเป็นเราลืมจ่าย เนื่องจากมีหลายบิล จนเราหลงลืมไปก็เป็นได้ แต่จะไปบอกกับธนาคารว่าเราลืมจ่ายธนาคารก็คงไม่เชื่อหรอก ดังนั้นสิ่งที่ธนาคารจะทำคือ หลังจากที่เราล่าช้า 30 วัน และมีการจ่ายเงินแล้วธนาคารจะดูประวัติต่ออีกสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง 6 เดือน - 2 ปี ว่ามีการประวัติชำระดีไหม หากไม่มีการจ่ายล่าช้าอีกก็สามารถทำการขอสินเชื่อได้ปกติ (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละธนาคารที่เรายื่น)
- จ่ายล่าช้าเกิน 90 วัน
ในกรณีนี้เราเครดิตเราจะเสียแล้ว หรืออธิบายเป็นคำที่เราคุ้นเลยก็คือ ติดเครดิตบูโร แบบนี้จะต้องทำการปิดหนี้ตัวที่เป็นปัญหาให้เรียบร้อย และนับเวลาไปอีก 36 เดือน (3 ปี) ธนาคารถึงจะทำการพิจารณาสินเชื่อให้กับเราอีกครั้ง
ปัจจัยที่ธนาคารใช้พิจารณา เมื่อยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์
การรีไฟแนนซ์ (Refinance) หมายถึง การยื่นกู้ใหม่ ด้วยการชำระเงินกู้เดิมที่มีด้วยเงินกู้ก้อนใหม่ โดยใช้สินทรัพย์เดิม (บ้าน - คอนโด) เป็นหลักประกัน ซึ่งการรีไฟแนนซ์ต้องเป็นการขอกู้เงินจากสถาบันการเงินแห่งใหม่ ส่วนการขอปรับลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิมเรียกว่ารีเทนชั่น (Retention) โดยหลักในการพิจารณารีไฟแนนซ์บ้านแบ่งได้ 2 ข้อ ดังนี้
รายได้
ธนาคารจะขอเอกสารการเงินหรือรายได้ประกอบการพิจารณา ได้แก่ สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน / เอกสารเดินบัญชีธนาคาร (สเตทเมนต์) อย่างน้อย 6 เดือนย้อนหลัง
ประวัติการผ่อนชำระ
ธนาคารจะขอหลักฐานการผ่อนชำระกับธนาคารเดิมที่เราเคยมีประวัติอยู่ (ข้อนี้จะเช็คว่าเราประวัติดีหรือไม่อย่างไร เพื่อประกอบการพิจารณาการกู้)
สนใจอ่านบทความอื่นที่เกี่ยวข้อง คลิก
เงื่อนไขอื่นในการรีไฟแนนซ์บ้าน
สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะรีไฟแนนซ์บ้านได้นั้น จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ คือ ผู้ที่มีรายได้ประจำ (ข้าราชการ, รัฐวิสาหกิจ), เจ้าของกิจการ และผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ
คุณสมบัติพื้นฐานที่ต้องมี
- มีสัญชาติไทย
- อายุ 20 ปีบริบูรณ์แต่ไม่เกิน 65 ปี
- รายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท สำหรับพนักงานประจำ, ข้าราชการ, รัฐวิสาหกิจ
- รายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท สำหรับเจ้าของกิจการและผู้ประกอบอาชีพอิสระ
คุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับพนักงานประจำ ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ
- ต้องมีอายุงาน 3 เดือนขึ้นไปโดยจะต้องผ่านการทดลองงานแล้ว
คุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับเจ้าของธุรกิจ
- ต้องจดทะเบียน และประกอบกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
คุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ
- ต้องมีเอกสารแสดงแหล่งที่มาของรายได้
- ประกอบอาชีพมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี
สรุปส่งท้าย มีประวัติค้างชำระหรือจ่ายช้า จะรีไฟแนนซ์ผ่านไหม?
สรุปได้ว่า ถ้าเราเคยมีประวัติค้างชำระ หรือ จ่ายหนี้ล่าช้าจะรีไฟแนนซ์ผ่านไหม คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การพิจารณาของแต่ละธนาคาร บางธนาคารยืดหยุ่นได้ เช่น ค้างชำระได้ไม่เกิน 1 งวด และ 6 เดือนล่าสุดไม่มียอดค้างชำระ แต่ถ้าเคยค้างชำระหลายเดือน แน่นอนว่าธนาคารใหม่ที่เราไปขอรีไฟแนนซ์ก็ไม่อยากปล่อยสินเชื่อให้ เพราะแสดงถึงโอกาสจะกลายเป็นหนี้เสีย ดังนั้นหากใครต้องการ รีไฟแนนซ์ ก็ไม่ควรมีประวัติค้างชำระเกินกว่า 1 งวด โดย PropertyScout ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังทำเรื่องรีไฟแนนซ์ ให้ได้ดอกเบี้ยที่ถูกลง จะได้มีรายจ่ายต่อเดือนน้อยลง และหนี้จะได้หมดไว
เรื่องบ้าน-คอนโด การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ครบจบได้ที่ PropertyScout
ทีมงานของเราพร้อมให้คำปรึกษา คลิกเลย!