In Short
Advice
'การสร้างบ้าน การรีโนเวทบ้าน' เรียกได้ว่าเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีความสำคัญในการสร้างความสุขและความพึงพอใจสำหรับตัวเราและครอบครัว นอกจากนั้น การทำสัญญาในการสร้างบ้านยังเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่ช่วยให้เจ้าของบ้านและผู้รับเหมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ เนื้องานที่ต้องทำ และ ความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้นจึงมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงและมีข้อที่ควรระวัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับผู้รับเหมาระหว่างการก่อสร้าง ควรต้องรู้ข้อมูลเหล่านี้ก่อนที่จะ เซ็นสัญญาสร้างบ้าน ไปศึกษาพร้อมกันกับ PropertyScout ได้ในบทความนี้

สัญญาสร้างบ้าน คืออะไร?
สัญญาสร้างบ้าน สัญญาก่อสร้าง หรือสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง เป็นเอกสารทางกฎหมาย ซึ่งเป็นสัญญาที่ระบุความตกลงร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งถูกเขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นการตกลงกันระหว่างเจ้าของบ้าน (ผู้ว่าจ้าง) และผู้รับเหมาก่อสร้าง (ผู้รับจ้าง) โดยมีการกำหนดการชำระค่าตอบแทนให้กับผู้รับจ้าง หากงานที่ดำเนินการก่อสร้างตามเป็นไปตามข้อตกลงที่ระบุ และจะต้องระบุผู้รับผิดชอบในการดำเนินการก่อสร้าง ลงเป็นรายละเอียดกำหนดไว้อย่างชัดเจนในสัญญาว่าจ้าง มีผลตลอดจนเสร็จสิ้นในระยะเวลาที่กำหนด
สำหรับเนื้อหาในสัญญาจะต้องมีการระบุข้อความชัดเจน ปฏิบัติได้จริง และเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย โดยสิ่งสำคัญที่ต้องมีในสัญญา ควรมีดังนี้
รายละเอียดที่ควรมีในสัญญาสร้างบ้าน

วันที่และสถานที่ทำสัญญา
- เพื่อระบุให้ทราบว่าสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่เท่าไหร่และมีอายุสัญญากี่ปี
ข้อมูลส่วนบุคคลคู่สัญญาระหว่างผู้ว่าจ้าง (เจ้าของบ้าน) และผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง)
- ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน และข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนและตรวจสอบได้
ขอบเขตและลักษณะของเนื้องานที่รับผิดชอบ
- ผู้ว่าจ้างตกลงว่าจ้างผู้รับจ้างทำการก่อสร้างบ้านแบบไหนระบุลงในสัญญาให้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็น ลักษณะของแบบบ้าน, สถานที่ที่ทำการก่อสร้าง
ราคา และรายละเอียดการจ่ายงวดงาน
- จ่ายชำระก่อนการเริ่มดำเนิดการกี่เปอร์เซ็นต์? ค่าจ้างเหมาจ่ายทั้งหมด? ค่าจ้างเหมาจ่ายทั้งหมด?
ระยะเวลาของสัญญา
- ตั้งแต่เริ่มดำเนินการก่อสร้าง จนดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ ใช้ระยะเวลาการก่อสร้างโดยประมาณกี่เดือน
หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้าง (เจ้าของบ้าน)
- ควรมีรายละเอียดกำกับไว้อย่างชัดเจนในสัญญาว่าจ้าง เช่น ทำการตรวจรับงานแต่ละงวดงาน
- ผู้ว่าจ้างมีสิทธิ์สั่งหยุดงาน หากเห็นว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้องตามแบบแปลน หรือมีสิทธิระงับและไม่จ่ายค่างวดงานในส่วนดังกล่าว หากผู้รับเหมาไม่ทำการแก้ไขหรือซ่อมแซมในส่วนที่เสียหายที่ไม่เป็นไปตามที่แจ้งให้แก้ไข
- ผู้ว่าจ้างมีสิทธิ์สั่งหยุดงาน หากเห็นว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้องตามแบบแปลน หรือมีสิทธิระงับและไม่จ่ายค่างวดงานในส่วนดังกล่าว หากผู้รับเหมาไม่ทำการแก้ไขหรือซ่อมแซมในส่วนที่เสียหายที่ไม่เป็นไปตามที่แจ้งให้แก้ไข
- สิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับลดรายการและแบบก่อสร้างเดิม หรือปรับเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างภายในระยะเวลาที่กำหนดที่ตกลงกันไว้ โดยไม่ต้องยกเลิกสัญญาว่าจ้าง แต่ควรทำการตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรและมีความตกลงยินยอมกันทั้ง 2 ฝ่าย
- ทำการตรวจรับงานแต่ละงวดงาน หากการเปลี่ยนแปลงวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างจนกระทบกับความแข็งแรงและมาตรฐานของโครงสร้างตามแบบแปลนเดิม ผู้ว่าจ้าง มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ
หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง)
- ผู้รับจ้างจะต้องดำเนินการก่อสร้างให้ถูกต้องและแล้วเสร็จตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างในระยะเวลาที่กำหนด
- ผู้รับจ้างสามารถโอนงานให้ผู้อื่นได้ แต่ยังคงเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดตามระบุในสัญญา
- หากมีการเพิ่มเติมหรือลดงานส่วนใดส่วนหนึ่งที่ไม่เป็นไปตามแบบ ผู้รับจ้างจะต้องทำเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งให้ผู้ว่าจ้างรับทราบ
- ผู้รับจ้างจะต้องทำการยินยอมให้ตัวแทนของเจ้าของบ้าน หรือ เจ้าของบ้านทำการตรวจสอบวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง สถานที่ และขั้นตอนในการก่อสร้าง เพื่อตรวจประเมินผลงานตรงตามแบบแปลนและ BOQ หรือไม่
- หากพบว่าวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างไม่เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญา ตัวแทนหรือเจ้าของบ้านมีสิทธิ์ที่จะระงับการดำเนินการก่อสร้างและปฏิเสธวัสดุที่ไม่ตรงตามรายละเอียดบัญชีก่อสร้างที่ระบุในสัญญาว่าจ้างได้ทันที
ระบุเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง
- เพื่อจะได้ดูว่ามีคุณภาพเหมาะสมกับลักษณะงานหรือไม่ นอกจากนั้นควรมีเอกสารรายการระบุแนบท้ายเอกสาร เพื่อใช้ในการตรวจสอบ
การประกันคุณภาพผลงานหลังจากการับส่งมอบงาน
- โดยระยะเวลาประกันงานขึ้นอยู่กับประเภทงานและการเจรจา โดยส่วนใหญ่อยู่ที่ 1-5 ปี ซึ่งหากเกิดความเสียหายเกิดขึ้นกับตัวบ้านในระยะเวลาเอาประกัน ไม่ว่าจะเป็นหลังคารั่ว บ้านมีรอยแตกร้าว หรือสาเหตุอื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับภัยธรรมชาติ ผู้รับจ้างตกลงทำการแก้ไข ซ่อมแซ่มให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานดังเดิม
- ในกรณีที่ผู้ว่าจ้างหรือเจ้าของบ้านทำการต่อเติมบ้านจนผิดหลักทางวิศวกร เป็นเหตุให้ตัวบ้านเกิดการชำรุดเสียหาย จะถือว่า 'การประกันคุณภาพงาน' สิ้นสุดลงทันที
การยกเลิกสัญญาว่าจ้างและสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหาย
- ควรทำการระบุให้ชัดเจน หากมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำผิดเงื่อนไข จนเกิดความเสียหาย ดังนั้นจึงต้องทำการระบุรายละเอียดเงื่อนไขเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งให้รับทราบและยินยอมรับผิดชอบหากเกิดกรณีดังกล่าว
การลงนามตกลงเซ็นสัญญาจ้างรับเหมาก่อสร้าง
- จะประกอบไปด้วย ผู้ว่าจ้าง (เจ้าของบ้าน) , ผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง) , พยาน 1 , พยาน 2
ข้อควรระวังและข้อสังเกตก่อนเซ็นสัญญาสร้างบ้าน มีอะไรบ้าง?

เนื้อหาในสัญญาจ้างคลุมเครือ
- ควรระบุเงื่อนไข รายละเอียดต่าง ๆ ในสัญญาจ้างให้ชัดเจนไม่คลุมเครือ เพื่อป้องกันกรณีเจอผู้รับเหมาที่ไม่ดี ไม่มีความซื่อตรงในวิชาชีพ อาจทำให้เราเสียเปรียบได้ เมื่อตกลงเซ็นสัญญาว่าจ้างเรียบร้อยแล้ว
เปอร์เซ็นการจ่ายเงินแต่ละงวดเหมาะสมกับปริมาณงานหรือไม่
- โดยอ้างอิงจากบัญชีแสดงราคาและปริมาณวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง หรือ BOQ
ขั้นตอนการดำเนินการก่อสร้างกับระยะเวลาสมเหตุสมผลหรือไม่
- ระบุวัน เวลา ที่ชัดเจนในการส่งงานในแต่ละงวดงานก่อนการจ่ายค่างวด
ระยะประกันงานหลังการก่อสร้าง
- กรณีเกิดความเสียหายหรือชำรุดหลังการส่งมอบงาน
สิทธิในการยกเลิกสัญญา
- กรณีผู้รับเหมาขาดความรับผิดชอบหรือไม่ดำเนินการตามที่ระบุในสัญญา
ดาวน์โหลดตัวอย่างสัญญาสร้างบ้าน คลิก
ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งระหว่างผู้จ้างและผู้รับจ้าง

ถึงแม้ว่าสัญญาสร้างบ้านจะเซ็นกันไปเรียบร้อยแล้ว ได้รับการอนุมัติและเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นตามมาได้เช่นกัน ดังนั้นเจ้าของบ้านทุกคนควรรู้ไว้เพื่อให้รู้ทันผู้รับเหมา ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหาต่าง ๆ จะเกี่ยวข้องกับประเด็นเหล่านี้
- การก่อสร้างล่าช้าไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด ในกรณีนี้อาจมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องที่ทำให้ไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนด ปัจจัยเหล่านี้อาจเกิดจากปัจจัยภายนอกเช่นสภาพอากาศ หรือปัจจัยธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งในกรณีนี้สามารถพูดคุยและยืดหยุ่นกันตามสถานการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม หากสาเหตุมาจากการขาดความรับผิดชอบของผู้รับเหมาที่ไม่เข้าหน้างาน หรือทำงานล่าช้า ในส่วนนี้ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบทั้งหมด
- งบประมาณก่อสร้างบานปลาย เพราะว่าผู้รับเหมาแอบปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมบางส่วนจากแผนเดิมที่กำหนดและตกลงกันไว้
- ขอเบิกเงินเกินกำหนดงวดงานหรือโกงเงินค่ามัดจำ โดยเบิกค่ามัดจำครั้งแรกในจำนวนสูง ๆ แล้วเข้างานช้า จนในที่สุดก็ หนี/ทิ้งงานไปในที่สุด
- เกิดการโต้เถียงกันเกี่ยวกับการแอบเปลี่ยนวัสดุก่อสร้างหรือแบบแปลนบ้านที่ใช้ในการก่อสร้าง
- ผลงานไม่น่าพึงพอใจ เนื่องจากผู้รับเหมาไม่มีคุณภาพหรือไม่มีความชำนาญเฉพาะทาง
- ผู้รับเหมาเปลี่ยนทีมช่างปฏิบัติการ โดยช่วงแรกใช้ทีมช่างที่มีประสบการณ์ทำงานรวดเร็ว ผลงานน่าพอใจ หลังจากนั้นเปลี่ยนทีมช่าง หรือไม่ก็ลดจำนวนช่างที่มีประสบการณ์ทำให้ผลงานที่ได้มีคุณภาพต่ำ และงานเกิดความล่าช้าเข้าไปอีก
สรุปส่งท้าย
การสร้างบ้านเป็นการลงทุนที่ใหญ่ และที่สำคัญคือก็จะมีโอกาสที่จะได้บ้านที่ตรงตามความต้องการมากกว่าการซื้อบ้านจัดสรร อย่างไรก็ตาม การทำสัญญาสร้างบ้าน หรือ จ้างเหมาก่อสร้าง ก็ยังเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ หากยังมีความลังเล หรือไม่มั่นใจ สามารถพิจารณาโครงการใหม่กับ PropertyScout ได้เลย! และหวังว่าข้อแนะนำข้างต้นในบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน
สนใจเช่า-ซื้อโครงการกับ PropertyScout
คลิกตามด้านล่างได้เลย
FAQs
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Suspendisse varius enim in eros elementum tristique.
Explore More Topics
Free real estate resources and tips on how to capitalise