อยากมีคอนโดเป็นของตัวเองต้องทำยังไง?
เมื่อถึงช่วงอายุของการเข้าสู่วัยทำงาน หลาย ๆ คนก็มีการกำหนดเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง บางคนอยากจะไปเรียนต่อ บางคนอยากจะมีหน้าที่การงานที่ดี บางคนอยากจะมีรถเป็นของตัวเอง ส่วนบางคนก็อยากจะมีบ้าน หรือที่พักเป็นของตัวเองแต่ถึงอย่างนั้น การที่จะมีบ้าน หรือคอนโดเป็นของตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอาศัยเวลา การเตรียมตัว และข้อมูลหลายอย่าง อีกทั้งเงินจำนวนที่มากในการดำเนินการสร้างบ้าน ซึ่งทำให้หลายคนหันมาสนใจการซื้อบ้านตกแต่งพร้อมอยู่ทั้งมือ 1 หรือ มือ 2 กันมากขึ้น เพื่อลดขั้นตอนที่ยุ่งยากออกไป ตลอดจนถึงการมองหาบ้าน หรือคอนโดสำหรับเช่า แต่เนื่องด้วยขั้นตอนที่ยุ่งยาก และมากมายก็ยังเป็นอุปสรรคแก่หลาย ๆ คนในการซื้อ หรือเช่าบ้าน/คอนโดสักหลังเพราะยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะลงเอยด้วยการจ้างนายหน้าในการหาบ้าน หรือ คอนโด
ปัจจุบันบริการนายหน้ามักจะเป็นที่ต้องการมากในท้องตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีข้อดีมากมาย ที่สามารถจะช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินการต่าง ๆ ได้อย่างมากไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาก่อนตัดสินใจเช่า-ซื้อ การให้คำแนะนำตัวเลือกห้อง ที่เหมาะสมกับความต้องการของเรา ตลอดจนถึงการดูแล และจัดการเอกสาร สัญญาเช่า และเงื่อนไขต่าง ๆ จนถึงการดูแลหลังเข้าอยู่
แต่ก่อนที่เราจะไปพูดถึงแบบเจาะลึกขั้นตอนของการใช้บริการนายหน้าเพื่อหาที่อยู่ (บ้าน/คอนโด) แล้วสิ่งที่เราควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกก่อนที่จะทำการตัดสินใจ คือ “จุดประสงค์ในการซื้อ และ เช่าในครั้งนี้ เพื่ออะไร?” เป็นคำถามที่ทุกคนต้องคำนึงถึงและละเลยไม่ได้เพราะหากคุณต้องการซื้อบ้าน หรือคอนโดเพื่อใช้สำหรับการลงทุน ด้วยการปล่อยเช่า นั่นหมายความว่าคุณจะต้องศึกษาหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน สำหรับพื้นที่และทำเลนั้น ๆ ว่าเหมาะสมกับการลงทุนหรือไม่ การวิเคราะห์ทำเลว่าอยู่ในย่านแบบไหนก็จะสามารถช่วยให้ระบุถึงการกำหนดราคาห้องเพื่อปล่อยเช่าได้ ทั้งนี้ยังคงต้องวิเคราะห์ปัจจัยร่วมต่าง ๆ เช่น ขนาดห้อง (1 ห้องนอน หรือ 2 ห้องนอน) กี่ยูนิต เฟอร์นิเจอร์ที่จะนำมาลง ตลอดจนถึงการกำหนดกลุ่มผู้เช่าเป้าหมายที่เราสามารถได้จากทำเลตรงนั้น ซึ่งเป้าหมายเพื่อดูว่า การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้คุ้มค่าหรือไม่ เพราะการลงทุนมักจะมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนทำการลงทุน แต่ทั้งนี้การมีบริการนายหน้าก็จะช่วยให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้น ด้วยประสบการณ์ และความรู้ที่มี ตลอดจนถึง Connection สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
สำหรับคนที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย และคนที่ต้องการเช่าจะมีความแตกต่างกันตรงที่ สิทธิในการครอบครอง และอำนาจในการดัดแปลงห้อง ซึ่งการซื้ออสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัย จะมาพร้อมกับปัจจัยหลาย ๆ อย่างให้พิจารณา ไม่ว่าจะเป็น
1. ตั้งงบ สิ่งสำคัญที่สุดในการซื้ออสังหาฯ คือการกำหนดเพดานสำหรับงบของคุณ และแบ่งค่าใช้จ่าย ตามส่วนต่าง ๆ เช่น
a. ค่าจอง + ค่าทำสัญญา
b. ค่าใช้จ่ายในการขอสินเชื่อ
i. ค่าให้บริการสินเชื่อ (ค่าทำเนียมกู้ยืม)
ii. ค่าสำรวจและค่าประเมินหลักประกัน
c. ค่าประกัน
i. ค่าประกันอัคคีภัย
ii. ค่าประกันภัยพิบัติ (ถ้ามี)
d. ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์กับกรมที่ดิน
i. ค่าทำเนียมการโอนกรรมสิทธิ์
ii. ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของราคาขาย และต้องไม่เกิน 10,000 บาท
iii. ค่าจดจำนอง 1% ของเงินจำนองหรือเงินกู้
e. ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ กับผู้พัฒนาโครงการ
i. ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง
ii. ค่าติดตั้งและ ประกัน มิเตอร์ น้ำ และไฟ
f. ค่าซ่อมบำรุง และต่อเติมบ้านใหม่ และค่าออกแบบตกแต่งภายใน
i. ไม่มีบ้านไหนที่เหมาะกับสไตล์เราที่สุด ดังนั้นหลายคนมักจะเตรียมเงินส่วนของการต่อเติม หรือซ่อมบำรุงบ้าน เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบตามที่ตัวเองต้องการมากที่สุด ดังนั้นการเตรียมค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าซ่อมบำรุง และต่อเติมบ้านใหม่จึงมีความสำคัญมากอย่างยิ่ง **บางคนให้ความสำคัญกับการตกแต่งมากกว่าตัวบ้าน ก็จะจัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งให้กับการตกแต่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการแต่ละบุคคลซึ่งอาจจะแตกต่างกันไป จึงต้องพิจารณาจากความต้องการเป็นหลัก
2. ทำเลที่ไหนดี สิ่งสำคัญถัดจากการกำหนดงบประมาณ คือเลือกว่าจะอยู่ย่านไหนดี เพราะแต่ละทำเลก็มีความแตกต่างเฉพาะตัว ถ้าอยู่ในเขตตัวเมือง หรือย่านที่มีความครึกครื้น รอบล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกก็จะทำให้ทำเลแถวนั้นมีราคาที่แพงขึ้น ซึ่งจะต้องพิจารณาจากงบที่ตั้งไว้แต่และคน จึงสามารถจะระบุได้ว่า เราสามารถอยู่ย่านไหนได้บ้าง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาร่วมด้วย เช่นความสะดวกในการเดินทาง ระยะทางที่ใกล้กับที่ทำงาน หรือโรงเรียนของลูก ๆ ตลอดจนถึงปัจจัยด้านสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาบใกล้เคียงเป็นต้น
3. ความต้องการส่วนบุคคล บางคนอยากได้ตึก Low Rise ที่เน้นความไม่พลุกพล่านของคนชอบความเงียบสงบ แต่บางคนก็มีความต้องการที่จะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า หรือระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาระหว่าง High Rise และ Low Rise ว่าจะเลือกอยู่ประเภทไหนดี นอกจากนี้อาจจะพิจารณาจากสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ หรือบริการพิเศษที่เสนอให้กับลูกบ้านโดยเฉพาะ ตลอดจนถึง Pet Friendly เป็นต้น
4. งบที่ตั้งไว้สามารถเข้าถึงห้องขนาดไหนบ้าง ความสามารถในการเลือกประเภทของห้อง หรือขนาดของยูนิต ขึ้นอยู่กำลังซื้อของตัวเอง ยิ่งทำเลแพง ห้องที่โครงการปล่อยขายนั้นก็จะยิ่งแพงขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าขนาดยูนิตไม่ได้กว้างขวางก็ตาม ดังนั้นควรวางแผนงบให้ดี ซึ่งประเภทของห้องก็จะมีได้แก่
a. Studio
b. 1 Bedroom
c. 1 Bedroom plus
d. 2 Bedroom
e. Duplex
f. Loft
g. Penthouse
เมื่อเราทราบข้อมูลเบื้องต้น รับรู้ถึงจุดประสงค์ และความต้องการของตัวเองแล้วถัดไปก็คือการค้นหาที่ที่ใช่สำหรับความต้องการของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าการจะหาคอนโดสักหนึ่งที่ด้วยตัวเองนั้นจะต้องอาศัยเวลามากมายไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมเก็บข้อมูล สำรวจทำเลและโครงการ การเข้าไปรับชมห้องตัวอย่างซึ่งกระบวนการเหล่านี้มักจะใช้เวลา อีกทั้งประสิทธิภาพในการเลือกโครงการที่เหมาะสมกับตัวเองจริง ๆ อาจจะมีไม่มากนัก ดังนั้นการเข้ามามีบทบาทของบริการนายหน้าจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโด บ้านสำหรับซื้อหรือเช่า ตลอดจนถึงการใช้บริการนายหน้าเพื่อหาผู้ซื้อ และผู้เช่าสำหรับคนที่มีความต้องการจะขาย หรือปล่อยเช่า บ้าน และคอนโด ซึ่งข้อดี และประโยชน์ของบริการนายหน้าสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก บทความของเรา (@@@@@@)
สำหรับใครที่อ่านมาถึงจุดนี้คงจะเข้าใจถึงกระบวนการต่าง ๆ ในการหาบ้าน หรือคอนโดสักแห่งเพื่อการอยู่อาศัยหรือแม้เพื่อการลงทุน เราขอแนะนำ บริการนายหน้าจาก PropertyScout
PropertyScout เป็นแพลตฟอร์มการเช่า ซื้อและ ขาย แบบครบวงจรอันดับหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีตัวเลือกอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าและขายที่ใหญ่ที่สุด พร้อมข้อมูลและรายละเอียดที่ถูกต้อง โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา อีกทั้งยังมีบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
โดยเป้าหมายในการให้บริการของเราคือ ช่วยให้ผู้เช่าสามารถค้นหาบ้านที่เหมาะสมที่สุด ในราคาที่ดีที่สุด และช่วยให้เจ้าของมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างง่ายดาย โดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย และขจัดความยุ่งยากที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเช่า
เพียง 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการค้นหาที่พักกับ PropertyScout
1. หาที่พักที่โดนใจ และนัดวัน/เวลา เพื่อดูที่พัก
a. ค้นหาตัวเลือกที่โดนใจจาก Propertyscout.co.th เพียงแค่ใส่ทำเล หรือชื่อโครงการที่คุณสนใจ หรือติดต่อมาขอคำปรึกษากับเรา เพื่อให้เราช่วยคุณค้นหาที่พักได้ตรงตามความต้องการของคุณมากขึ้นกับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์และข้อมูลพร้อมให้บริการ
2. เราจะจัดหาที่ปรึกษาเพื่อพาคุณไปดูที่พัก คอยช่วยเหลือ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อสงสัยต่าง ๆ เพื่อให้คุณได้สิ่งที่ดีที่สุด
3. หากคุณได้ห้องที่ถูกใจ เราจะจัดเตรียมสัญญามาตรฐานสำหรับเช่า ให้คุณและเจ้าของเซ็นรับรอง จากนั้นคุณก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย
4. ในระยะเวลาการเช่า หากคุณมีความต้องการเพิ่มเติม เราจะทำหน้าที่คอยติดต่อเจ้าของให้กับคุณ เราจะคอยให้บริการคุณตลอดสัญญาเช่า เพราะหน้าที่ของเราคือการให้บริการด้วยความใส่ใจ