บ้านดูมีชีวิตชีวาขึ้นได้ด้วยการ “จัดแสง”

Author
by
At
December 7, 2022
บ้านดูมีชีวิตชีวาขึ้นได้ด้วยการ “จัดแสง” บ้านดูมีชีวิตชีวาขึ้นได้ด้วยการ “จัดแสง”

สวัสดีครับ กลับมากันอีกครั้งกับ PropertyScout Blog ครับ สำหรับใครที่กำลังรู้สึกว่าการอยู่บ้านดูน่าเบื่อ ไม่ค่อยมีชีวิตชีวา และต้องการแนวทางการแต่งบ้านเพิ่มบรรยากาศแบบง่ายๆ อยู่ละก็ อยากให้ลองนึกถึงเรื่องของ “แสง” ภายในบ้านดูครับ เพราะว่าแสงสว่างภายในบ้านถือเป็นสิ่งสำคัญที่ มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคนที่อยู่ภายในบ้าน ซึ่งการจัดแสงที่ดียังทำให้บรรยากาศภายในบ้านให้ดูอบอุ่นและน่าอยู่มากยิ่งขึ้นอีกด้วย 

ในครั้งนี้ PropertyScout ได้สรุปแนวทางการจัดแสงในแต่ละห้องของบ้านมาให้ทุกคนได้ลองนำไปปรับใช้กัน ใครที่กำลังอยากลองเปลี่ยนมู้ดในบ้านตัวเองไม่ควรพลาดครับ

ห้องนั่งเล่น

ห้องนั่งเล่นถือว่าเป็นห้องที่ใช้ทำหลากหลายกิจกรรม ไม่ว่าจะนั่งดูหนังกับครอบครัว กับคนรัก หรือเป็นพื้นที่สำหรับพบปะเพื่อนฝูง หรือนั่งชิลล์หลังเลิกงาน เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ส่วนที่มีความเอนกประสงค์ที่สุดในบ้านอย่างแน่นอน ดังนั้นห้องนั่งเล่นควรจะเป็นห้องที่สามารถเลือกใช้แสงไฟได้หลากหลายแบบ อาจจะมีทั้งแสงไฟสีขาว และแสงสีขาวอมเหลืองแบบสลัวๆ และที่สำคัญควรมีหน้าต่างให้แสงธรรมชาติได้สอดส่องเข้ามาครับ

บรรยากาศในห้องนั่งเล่น
บรรยากาศในห้องนั่งเล่น

ห้องนอน

ห้องนอนเป็นพื้นที่สำหรับการนอนหลับพักผ่อน เพื่อชาร์จแบตในร่างกายให้กลับมาเต็มร้อยหลังจากวันที่เหนื่อยล้า เพราะฉะนั้นบรรยากาศในห้องนอนที่ดีควรมีแสงไฟออกไปในโทนสีเหลืองนวลๆ และตรงหน้าต่างก็ควรมีผ้าม่านแบบทึบแสง 1 ชั้น เพื่อกันแสงภายนอกเล็ดลอดเข้ามาในขณะที่เรานอนหลับ เท่านี้ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ

บรรยากาศในห้องนอน
ห้องนอนที่ดีควรมีแสงไฟออกไปในโทนสีเหลืองนวล

ห้องทำงาน

แสงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากต่อการนั่งทำงาน ดังนั้นห้องทำงานควรมีแสงธรรมชาติส่องเข้าอย่างทั่วถึง และใช้หลอดไฟโทนสีขาว หรือขาวนวล เพราะว่าเป็นแสงที่ไม่รุนแรงต่อสายตา และให้ความรู้สึกผ่อนคลายในระดับนึง หากในห้องทำงานมีปริมาณแสงที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะแสงมากไป หรือน้อยไป ก็จะส่งผลกับสุขภาพของเราโดยตรง อาจจะทำให้เรามีอาการปวดตา และลามไปถึงปวดศรีษะได้ครับ

บรรยากาศในห้องทำงาน
ในห้องทำงานควรมีปริมาณแสงที่เหมาะสม

ห้องครัว

สำหรับห้องครัวที่ดีนั้น ควรจะมีแสงสว่างที่เพียงพอต่อการทำกิจกรรมต่างๆภายในครัว ดังนั้นควรใช้แสงไฟที่ให้ความสว่างตั้งแต่ระดับแสงปกติไปจนถึงสว่างเป็นพิเศษ เช่น หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ทั่วไป หรือหลอดไฟฮาโลเจน ส่วนใครที่อยากเพิ่มความโดดเด่นให้กับห้องครัวของตัวเอง อาจจะลองติดไฟเพิ่มบรรยากาศใต้ตู้แขวนผนัง (cupboard) หรือใต้ขอบโต๊ะไอส์แลนด์กลางครัวก็ได้ และที่สำคัญอีกอย่าง อย่าลืมเปิดหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศให้มีอากาศถ่ายเทด้วยนะครับ เพราะจะช่วยทำให้อากาศภายในครัวไม่อับและมืดจนเกินไป

ห้องครัว
อยากเพิ่มความโดดเด่นให้กับห้องครัวของตัวเอง ลองติดไฟเพิ่มบรรยากาศ Image by Lumens

ห้องอาหาร

แสงสวย ๆ ในห้องอาหารจะช่วยให้บรรยากาศในแต่ละมื้ออาหารดียิ่งขึ้น อาจจะเลือกใช้แชนเดอเลียร์แสงไฟสวย ๆ มาติดเหนือโต๊ะอาหาร ซึ่งตัวโคมไฟควรเล็กกว่าด้านกว้างของโต๊ะ ประมาณ 15-30 ซม. ควรติดไฟให้สูงเหนือโต๊ะประมาณ 2 ฟุต และเพื่อความสวยงาม ขอแนะนำให้ซื้อหลอดไฟโทนสีขาวนวล หรือขาวอมเหลืองเพราะจะช่วยสร้างบรรยากาศโรแมนติกและเพิ่มความอยากอาหารครับ และสำหรับใครที่อยากได้ห้องอาหารสไตล์เก๋ๆ แบบของตัวเอง อาจจะลองหาไฟสีอื่นอย่างสีเขียว สีแดง สีม่วง มาลองใช้ดูครับ

บรรยากาศในห้องอาหาร
แสงสวย ๆ ในห้องอาหารจะช่วยให้บรรยากาศในแต่ละมื้ออาหารดียิ่งขึ้น

ห้องน้ำ

ห้องน้ำอาจจะเป็นห้องที่หลายๆ คนนึกถึงการจัดแสงเป็นอันดับหลังสุด แต่ในความเป็นจริงแล้วการมีห้องน้ำบรรยากาศดี จะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายขณะทำธุระต่าง ๆ ในห้องน้ำ เพราะฉะนั้นห้องน้ำที่ดีควรมีแสงธรรมชาติส่องเข้าถึง และอากาศถ่ายเท เพื่อที่จะไม่เกิดความอับชื้น และถ้าเกิดว่าห้องน้ำไม่ได้มีช่องแสงหรือหน้าต่างมากพอ อาจจะลองใช้แสงไฟที่ดูสว่างสดใสครับ ใครที่มีงบประมาณสูงหน่อยก็ขอแนะนำให้ติดไฟ ambient lighting แสงสลัวเพิ่มบรรยากาศตามจุดต่าง ๆ อย่างเช่นหลังกระจกส่องหน้า ใต้อ่างล้างหน้า ซ่อนไว้ตามผนังหรือฝังลงพื้นก็ได้ครับ

บรรยากาศในห้องน้ำ
ห้องน้ำบรรยากาศดี จะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายขณะทำธุระต่างๆ

บทสรุปส่งท้าย : เลือกหลอดไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน

การจัดแสงไฟภายในคอนโดถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่ไม่เพียงแค่เพิ่มบรรยากาศที่ดีให้กับบ้านของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราได้สามารถออกแบบบรรยากาศพื้นที่ของเราได้ในแบบที่ต้องการอีกด้วย อีกหนึงประเด็นสำคัญที่อยากแนะนำคือการเลือกใช้หลอดไฟให้เหมาะกับการใช้งานของเราครับ เวลาที่เราไปซื้อหลอดไฟ เราจะเห็นค่าตัวแปรสำคัญ 3 ตัว คือ วัตต์ เคลวิน และ ลูเมน โดยวัตต์จะเป็นค่าการใช้พลังงาน ส่วนเคลวิน (K) เป็นค่าอุณหภูมิสี และลูเมนเป็นค่าเอาต์พุตหรือความสว่าง 

หลอดไฟที่มีค่าเคลวินช่วง 2700K ถึง 3000K จะออกโทนสีเหลือง ให้ความอบอุ่นซึ่งเหมาะสำหรับการสร้างบรรยากาศแนวผ่อนคลาย ดูอบอุ่น ขณะที่หลอดไฟในช่วง 5500K ถึง 6500K จะมีขาวสว่าง เหมาะสำหรับเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความสว่างมาก ในขณะเดียวกัน หลอดไฟที่มีค่าเคลวินในในช่วง 3500K ถึง 4100K ซึ่งเป็นโทนแสงกลางๆ ไม่ขาวและไม่ส้มจนเกินไป ให้ความรู้สึกเหมือนแสงธรรมชาติครับ


หากมีคำถาม ข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับการ ฝากซื้อ ฝากขาย หรือต้องการ ซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ หรืออยากหาที่พักโดนใจ ราคากันเอง แถมตรงปก ติดต่อ PropertyScout ได้เลย! ทางทีมงานพร้อมให้บริการและตอบทุกข้อสงสัย