วิธีดูแลทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วม ทำได้อย่างไร?
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมนั้น ยิ่งน้ำท่วมหนัก หรือท่วมสูงเท่าไหร่ หลังจากน้ำลดไปแล้วก็จะทิ้งร่องรอยและความเสียหายกับตัวบ้านของเรามากเท่านั้น ซึ่งก็คงจะต้องเป็นหน้าที่ของสมาชิกในบ้านทุกคนที่ต้องมาช่วยกันทำความสะอาดและซ่อมแซมให้บ้านกลับมาน่าอยู่ได้เหมือนเดิม ซึ่งแนวทางและวิธีการในการทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วม ก็มีหลายปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญและปฏิบัติอย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของบ้านที่เรารักและสมาชิกผู้อยู่อาศัยทุกคน ในคราวนี้ PropertyScout ก็ได้นำข้อมูลดี ๆ มาฝากกัน
เตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัวเองจาก เชื้อรา สารเคมี และ กระแสไฟฟ้า
สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ 'เตรียมการป้องกันตัวเองจากอันตรายและสิ่งสกปรกทั้งหลายที่มากับน้ำ' โดยการแต่งตัวให้มิดชิด ใส่เสื้อและกางเกงขายาว และควรใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างถุงมือยางและรองเท้าบู๊ท จะช่วยไม่ให้ผิวหนังไปสัมผัสกับเชื้อราและสารเคมี อีกทั้งยังช่วยป้องกันไฟดูดได้ และควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อปิดปากและจมูก ป้องกันการหายใจเอาสปอร์เชื้อราและไอระเหยของสารเคมีเข้าสู่ร่างกายรวมไปถึงอันตรายจากสัตว์มีพิษและสัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ ที่อาจหนีน้ำเข้าไปหลบอยู่ในตัวบ้าน
ตรวจสอบจุดเสียหายและสำรวจสัตว์มีพิษอันตราย
เตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัวเองเรียบร้อยดีแล้ว ให้เข้าไปในบ้านเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านก่อนว่ามีจุดใดชำรุดเสียหายบ้าง เพื่อวางแผนในการซ่อมแซม และที่สำคัญคือ ควรตรวจดูทุกซอกทุกมุมว่ามีสิ่งแปลกปลอม มีสัตว์ร้าย หรือสัตว์มีพิษหลบซุกซ่อนอยู่หรือไม่ อย่างเช่น งู แมงป่อง ตะกวด จระเข้ ฯลฯ เพื่อความปลอดภัยในการทำความสะอาดและซ่อมบำรุงต่อไป
และอีกสิ่งสำคัญที่สุดคือไม่ควรเข้าไปในบ้านด้วยตัวคนเดียว แต่ควรเข้าไปกันหลาย ๆ คน เพราะหากมีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้นคนอื่นจะได้ช่วยเหลือได้ทัน
ตรวจเช็คสภาพระบบไฟฟ้า
เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วควรใส่ใจระบบไฟฟ้าให้ดีก่อน โดยตรวจดูสภาพปลั๊กต่าง ๆ เพราะอาจชำรุดเสียหาย หรือเปียกชื้นอยู่ได้ ถือว่าเสี่ยงเป็นอันตรายมากหากรีบร้อนใช้งาน ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้า และควรให้ช่างไฟมาตรวจสอบและซ่อมแซมระบบไฟฟ้าให้เรียบร้อยก่อนที่จะเริ่มใช้งานใหม่
ย้ายเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของเครื่องใช้ออกจากบ้านให้ได้มากที่สุด พร้อมจัดการเก็บขยะทั้งหมด
ควรเปิดหน้าต่าง เปิดประตู เพื่อให้อากาศถ่ายเทและลดความชื้นภายในบ้าน และเพื่อป้องกันการสูดหายใจเอาอากาศที่ปนเปื้อนเชื้อราและเชื้อโรคเข้าไป ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและโรคภูมิแพ้ได้ หลังจากนั้นให้ย้ายเฟอร์นิเจอร์ออกไปผึ่งไว้นอกบ้านก่อน พร้อมกับจัดการเก็บขยะต่าง ๆ ที่มากับน้ำออกไปทิ้งให้หมด เพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำความสะอาดต่อไป
ทำความสะอาดบ้านทั้งภายในและภายนอก
ทั้งผนังและพื้น สามารถใช้น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาล้างจาน ฉีดล้าง ขัด ตะไคร่ และสิ่งสกปรกได้เลย หลังจากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาด และปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง ในจุดที่พบเชื้อรา ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาด แล้วทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมงจึงค่อยล้างน้ำออก
- อุปกรณ์ทำความสะอาดที่ต้องเตรียม
สวมเสื้อผ้าปกปิดให้มิดชิด เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใส่ถุงมือ รองเท้าบูทแว่นตา และอย่าลืมใส่หน้ากากปิดปากเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเราได้ง่าย ๆ นอกจากการเตรียมอุปกรณ์สวมใส่สิ่งที่ขาดไม่ได้คืออุปกรณ์ทำความสะอาด อย่าง ไม้กวาดทางมะพร้าว , แปรงขัดพื้น , ไม้ถูพื้นถังน้ำ , ถุงขยะ กระดาษทิชชู , หรือ ผ้า ไว้เช็ดทำความสะอาด
สำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ต้องเตรียมไว้ก็จะมี น้ำยาซักผ้าขาว , เบคกิ้งโซดา , โซเดียมไฮโปคลอไรท์ , แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค 70% , น้ำยาทำความสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ
- ปฏิบัติการทำความสะอาด
ฉีดน้ำล้าง ขัดตะไคร่หรือสิ่งสกปรกออก แล้วใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดตามความเหมาะสมของพื้นที่จุดต่าง ๆ ส่วนไหนที่พบเชื้อรา ห้ามฉีดน้ำ แต่ให้ใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค 70% หรือน้ำยาซักผ้าขาวที่ผสมน้ำในอัตราส่วน 300 มิลลิลิตร ต่อน้ำ ประมาณ 4 ลิตร เช็ดคราบเชื้อราทิ้งไว้ 15 - 30 นาทีแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง
ไม่ควรรีบทาสีบ้านใหม่ทันทีเพื่อป้องกันสีใหม่หลุดลอก
หลังน้ำท่วม ผนังบ้านจะมีความชื้นสูง หากรีบร้อนทาสีใหม่ทันที อาจจะเกิดการหลุดลอกได้ง่าย รวมถึงยังทาติดได้ยากอีกด้วย ดังนั้น เพื่อให้การทาสีบ้านใหม่มีประสิทธิภาพ และได้สีที่สวยงามติดทนนาน ควรเว้นระยะให้บ้านแห้งสนิทดีก่อน คือหลังจากทำความสะอาดบ้านไปแล้วสัก 1 เดือนเป็นอย่างน้อยถึงค่อยดำเนินการทาสีใหม่
กรณีที่น้ำท่วมสูงถึงฝ้าต้องตรวจเช็คให้ชัวร์ว่าเสียหายขนาดไหน
ในกรณีน้ำท่วมบ้านจนมิดชั้นล่าง เจ้าของบ้านจะต้องตรวจดูความเสียหายของฝ้าเพดาน เพราะหากฝ้ามีการแอ่นตัว หรือดูดน้ำสะสมไว้มาก ในภายหลังที่อยู่อาศัยไปแล้วฝ้าอาจพังถล่มลงมาได้ ดังนั้นหากประเมินแล้วว่าฝ้าได้รับความเสียหายหนัก ก็ควรเปลี่ยนฝ้าใหม่ ซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนเริ่มทำความสะอาดและซ่อมแซมส่วนอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน
เฟอร์นิเจอร์ที่เปียกชื้น ดูให้ดีว่าชิ้นไหนตากแดดได้ ชิ้นไหนตากแดดไม่ได้
สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่มีผ้าเป็นส่วนประกอบ เมื่อเช็ดทำความสะอาดแล้ว สามารถตากแดดให้แห้งได้ แต่หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ พลาสติก หรือว่าหนัง หลังจากเช็ดทำความสะอาดแล้ว ไม่ควรนำไปตากแดดโดยตรง เพราะเสี่ยงทำให้โก่งงอหรือเปลี่ยนรูปได้ วิธีที่ถูกต้องคือให้เช็ดด้วยผ้าแห้ง หรือเช็ดให้แห้งแล้วตากไว้ในที่ร่มแทน จะช่วยรักษาสภาพความสมบูรณ์ได้ดีกว่า หากต้องการให้แห้งเร็วขึ้น อาจจะใช้พัดลมเป่าก็ได้ เพียงแต่ต้องมั่นใจแล้วว่าระบบไฟฟ้าภายในบ้านได้รับการซ่อมแซมจนกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย
สรุปส่งท้าย
การดูแลบ้านหลังน้ำท่วม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจอย่างระมัดระวัง เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุและเป็นอันตรายได้ แต่อย่างไรก็ตามหากสมาชิกทุกคนในบ้านช่วยกัน และปฏิบัติตามที่ PropertyScout ได้แนะนำไปในบทความนี้ รวมถึงความไม่ประมาท ก็จะสามารถจัดการซ่อมแซมพลิกฟื้นบ้านที่ถูกน้ำท่วมให้กลับมาเป็นบ้านที่สมบูรณ์ สวยงาม และพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยได้เหมือนเดิมอย่างแน่นอน
มองหาอสังหา ฯ คุณภาพดี ครบจบได้ที่ PropertyScout!
คลิกตามด้านล่าง