เงินเดือนเท่านี้ ควรเช่าคอนโดราคาไหน!?

Author
by
At
September 5, 2022
เงินเดือนเท่านี้ ควรเช่าคอนโดราคาไหน!? เงินเดือนเท่านี้ ควรเช่าคอนโดราคาไหน!?

รู้ไว้ไม่เสียหาย เช่าห้องยังไงให้เหลือเงิน!

การเช่าคอนโด ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการหาที่อยู่อาศัยเหมือนกัน แต่เงินเดือนที่เรามีจะเหมาะกับการเช่าคอนโดราคาไหนบ้างนะ?

สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้ PropertyScout จะพาทุกคนมาลองคิด คำนวณ และวิเคราะห์กันว่า เงินเดือนที่เรามีนั้น ควรจะเช่าคอนโดราคาเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้พอดีกับเงินได้ในแต่ละเดือน จะเป็นยังไง ไปดูกันเลย!

Get to know ราคาค่าเช่าคอนโดในปัจจุบัน

ในปัจจุบันคอนโดนั้นมีราคาที่ให้เช่าที่ต่างกันไป โดยส่วนใหญ่จะเริ่มต้นอยู่ที่ 10,000 บาทสำหรับห้องสตูดิโอไปจนถึงราคาประมาณราว ๆ 80,000 บาทสำหรับคอนโดที่มีขนาดห้องที่ใหญ่ โดยที่ในแต่ละราคาก็จะมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

มารู้จักปัจจัยสำคัญกันเถอะ!

ทำเลที่ตั้ง

ทำเลที่ตั้งคอนโดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาเช่าคอนโดในแต่ละที่

บรรยากาศเมืองกรุงเทพ ฯ
  • กลางเมือง (กรุงเทพชั้นใน)
    • หรืออีกชื่อคือ CBD(Central Business District) เนื่องด้วยใกล้ความเจริญ เป็นที่ตั้งของสำนักงานต่าง ๆ มากมาย สามารถเดินทางได้สะดวก อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้บริการอีกมากมาย ทำให้ราคาคอนโดเวลาซื้อขายจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท หรือตีเป็นราคาเช่าก็ราว ๆ 15,000 - 70,000 บาทเลยทีเดียว

      ตัวอย่างพื้นที่ในกรุงเทพ : อโศก, สยาม, ทองหล่อ, ชิดลม, พร้อมพงษ์ และสามย่าน เป็นต้น
  • เขตรอบกลางเมือง
    • ในส่วนของพื้นที่รอบ ๆ กลางเมืองนั้น จะมีสำนักงานต่าง ๆ ตั้งอยู่แต่จะไม่มากเท่ากับบริเวณกลางเมือง ทำให้ผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่าบริเวณกลางเมือง แต่ก็ยังคงมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้บริการอยู่พอสมควรเหมือนกัน ส่งผลให้ราคาค่าเช่าคอนโดบริเวณนี้จะถูกลงมาจากกลางเมืองราว ๆ 12,000 - 50,000 บาท

      ตัวอย่างพื้นที่ในกรุงเทพ : พระราม 9, บางเขน, รัชโยธิน, บางกะปิ, ลาดพร้าว, บางนา เป็นต้น
  • ชานเมือง
    • พื้นที่ชานเมือง เป็นบริเวณที่ไม่ได้ติดกับตัวเมือง แต่ก็ไม่ได้ความว่าตรงนี้จะไม่มีความเจริญ แค่พื้นที่ส่วนนี้บางส่วนนั้น ใกล้เคียง หรือติดกับจังหวัดโดยรอบนั่นเอง ทั้งนี้ ในเขตชานเมืองจะเป็นบริเวณที่เน้นเรื่องธรรมชาติ การพักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวาย เหมาะกับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัว ส่งผลให้ราคาเช่าคอนโดจะอยู่ที่ 10,000 - 30,000 บาท

      ตัวอย่างพื้นที่ในกรุงเทพ : บางนา, สายไหม, คลองสามวา, มีนบุรี, หนองจอก, รังสิต เป็นต้น
  • ปริมณฑล/ นอกเมือง/ ต่างจังหวัด
    • บริเวณปริมณฑล นอกเมือง หรือต่างจังหวัดนั้น เป็นอีกพื้นที่ที่เหมาะมาก ๆ กับผู้ที่ต้องการความสงบ หรือผู้ที่ไม่ได้อยากอยู่ในกรุงเทพ ฯ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่กำลังพัฒนาในหลาย ๆ ส่วน ทั้งการคมนาคม พื้นที่พักผ่อน ห้างสรรพสินค้า โดยราคาจะเช่าคอนโดจะอยู่ที่ 10,000-30,000 บาท

      ตัวอย่างพื้นที่ในกรุงเทพ : ปริมณฑล, สนามบินน้ำ, นนทบุรี, สมุทรปราการ, ปทุมธานี เป็นต้น

สิ่งอำนวยความสะดวก

รถไฟฟ้าบนดิน (BTS)
  • รถไฟฟ้า BTS MRT หรือ ARL
    • ในพื้นที่ที่มีรถไฟฟ้าพาดผ่านนั้น จะมีราคาที่ค่อนข้างแพงกว่าพื้นที่ที่ไม่ติดรถไฟฟ้า เนื่องด้วยการเดินทางนั้น จะเป็นไปได้สะดวกกว่า เพราะสามารถเข้าไปในทำงานหรือทำธุระในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น ยิ่งคอนโดอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้ามากเท่าไหร่ ราคายิ่งสูงขึ้นนั่นเอง

ราคาประเมินจากกรมธนารักษ์

  • กรมธนารักษ์ เป็นหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ในการเคาะราคาประเมินที่ดินกลางอย่างเป็นทางการและเปิดเผย โดยสามารถใช้อ้างอิงกับราคาพื้นที่คอนโดในบริเวณนั้นได้ อีกทั้งยังเชื่อถือได้ มีมาตรฐาน แม้ผู้ซื้อหรือเช่าส่วนใหญ่จะไม่ได้ดูในส่วนนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ประเภทคอนโด

บรรยากาศคอนโดกลางเมืองตอนกลางคืน
  • High Rise/ Low Rise
    • คอนโดสองประเภทนี้มีความต่างกันในเรื่องของราคา สิ่งอำนวยความสะดวก รวมไปถึงวิวทิวทัศน์ภายนอก และสไตล์การดำเนินชีวิตด้วย

      High Rise : จะเป็นคอนโดมิเนียมประเภทตึกสูง เหมาะกับคนที่ชอบดูวิวทิวทัศน์ มีความสูงมากกว่า 23 ม. เป็นต้นไป มีทำเลเข้าออกเมืองสะดวก มีสิ่งอำนวยความสะดวกและส่วนกลางไว้บริการ ราคาซื้อและขายของ High Rise จะสูงกว่า

      Low Rise : คอนโดมิเนียมขนาดไม่สูงมาก ขนาดไม่เกิน 23 ม. อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าและถนน ทำให้เหมาะกับผู้ที่อยากได้ความสงบ หลีกหนีความวุ่นวาย ราคาซื้อและขายของ Low Rise จะถูกกว่า
  • ขนาดห้อง
    • ในแต่ละห้องจะมีขนาดไม่เท่ากัน สืบเนื่องมาจากปัจจัยราคาที่ดินต่อตารางเมตรนั่นเอง ทำให้ยิ่งห้องใหญ่ ราคายิ่งสูง ประกอบกับจำนวนผู้อยู่อาศัย หากอยู่คนเดียว ก็สามารถเช่าห้องประเภทสตูดิโอ หรือ 1 ห้องนอนได้ ซึ่งจะทำให้ราคาถูกกว่าการเช่าห้องที่มีห้องนอนหลาย ๆ ห้อง นั่นเอง

แจกสูตรคำนวณค่าใช้จ่าย!

เอาล่ะ มาถึงจุดสำคัญของบทความนี้ นั่นก็คือ การคำนวณค่าใช้จ่ายในการเช่าคอนโดกับเงินเดือนของเราว่าพอดีไหม ราคานี้จะแรงเกินไปรึเปล่า หรือเราจะมีเงินเหลือเก็บไหมนั่นเอง ใครที่กำลังจะเช่าคอนโดยิ่งต้องอ่านเลยนะ บอกเลย ไม่อ่านระวังพลาด!

1. สูตรแบ่งเงินชัดเจน : 50/20/20/10

  • ค่าใช้จ่ายประจำ 50 เปอร์เซ็นต์
    • 30 : ก้อนนี้ควรแบ่งไว้เป็น ค่าใช้จ่ายประจำ รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายทุก ๆ เดือนอย่างเลี่ยงไม่ได้ การที่ให้สัดส่วนเท่านี้ เพื่อเป็นการกำหนดว่า เราไม่ควรใช้เงินส่วนนี้เกินกว่า 30% เพื่อไม่ให้เป็นการเกิดหนี้สิน หรือภาระใช้จ่ายที่เกินตัวเกินไป เช่น ค่าบัตรเครดิต ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ค่าประกันสังคม ค่าน้ำ และค่าไฟ
    • 20 : ก้อนนี้แบ่งไว้เป็น ค่าเช่าคอนโด นั่นเอง สาเหตุที่ต้องให้ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นเพราะว่าต้องมีการคุมค่าใช้จ่ายตรงนี้อย่างชัดเจน หากเกินตัวไป อาจจะต้องหาคอนโดที่มีราคาที่ถูกกว่า ซึ่งทางเราแนะนำว่า เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว อาจจะไม่ต้องเกิน 50 เปอร์เซ็นต์นั่นเอง

      มีสูตรดังนี้ : เงินเดือน(ทั้งเดือน) * เปอร์เซ็นต์ที่ต้องแบ่ง

      Ex. 15,000*30% = 3,000 บาท
      • เงินเดือน 25,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 5,000 บาท
      • เงินเดือน 35,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 7,000 บาท
      • เงินเดือน 55,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 11,000 บาท
  • 20 : เป็น ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าอาหาร ค่าช้อปปิ้ง ค่าเที่ยว โดยส่วนใหญ่จะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้ตายตัวในทุกเดือน อาจจะมีน้อยหรือมากต่างกันไป แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ควรเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้นั่นเอง
  • 20 : เงินเก็บ อันนี้สำคัญมาก ๆ เลย เพราะไม่เพียงแต่เป็นเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคตเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นเงินฉุกเฉินเวลาที่เราจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น เงินส่วนนี้สามารถเก็บได้มากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์แต่ไม่ควรเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ เนื่องด้วยหากเราเก็บเงินมากเกินไปจนเกินตัว เราจะไม่มีเงินใช้จ่ายนั่นเอง
  • 10 : เงินส่วนนี้แม้จะดูเล็กน้อย แต่ก็สามารถเก็บไว้ได้ใน กรณีเผื่อเหลือเผื่อขาด หรือมีเหตุต้องใช้ด่วนจริง ๆ ในแต่ละเดือนนั่นเอง

2. สูตรเน้นใช้(เพิ่มค่าใช้จ่าย) : 50/30/10

  • ค่าใช้จ่ายประจำ 50 เปอร์เซ็นต์
    • 30 : ค่าใช้จ่ายประจำ เพื่อไม่ให้เป็นการเกิดหนี้สิน เราไม่ควรใช้เงินส่วนนี้เกินกว่า 30% เช่น ค่าบัตรเครดิต ค่าผ่อนรถยนต์ ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ค่าน้ำ และค่าไฟ ยังไงก็ตาม เราสามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนนี้ร่วมกับส่วนที่เป็นค่าเช่าคอนโดได้เช่นกัน
    • 20 : ค่าเช่าคอนโด นั่นเอง สาเหตุที่ต้องให้ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นเพราะว่าต้องมีการคุมค่าใช้จ่ายตรงนี้อย่างชัดเจน หากเกินตัวไป อาจจะต้องหาคอนโดที่มีราคาที่ถูกกว่า หรืออาจต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อที่จะได้ไม่แบกค่าใช้จ่ายส่วนนี้มากเกินไป

      มีสูตรดังนี้ : เงินเดือน(ทั้งเดือน) * เปอร์เซ็นต์ที่ต้องแบ่ง
      • เงินเดือน 15,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 3,000 บาท
      • เงินเดือน 25,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 5,000 บาท
      • เงินเดือน 35,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 7,000 บาท
      • เงินเดือน 55,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 11,000 บาท
  • 30 : เป็น ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าอาหาร ค่าเที่ยว รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทีไว้ใช้ผ่อนคลายตัวเองอีกด้วย
  • 10 : เงินออมต่อเดือน เป็นเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคต รวมถึงเป็นเงินฉุกเฉินเวลาที่เราจำเป็นต้องใช้จริง ๆ

3. สูตรสบาย(เพิ่มราคาค่าเช่าคอนโด) : 60/25/15

  • ค่าใช้จ่ายประจำ 60 เปอร์เซ็นต์
    • 30 : ก้อนนี้ควรแบ่งไว้เป็น ค่าใช้จ่ายประจำ จำเป็นต้องควบคุม เพื่อไม่ให้เป็นการเกิดหนี้สิน หรือภาระใช้จ่ายที่เกินตัวเกินไป เช่น ค่าบัตรเครดิต ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ค่าน้ำ และค่าไฟ
    • 30 : ค่าเช่าคอนโด นั่นเอง ตรงนี้เพิ่มขึ้นมาเพื่อให้การหาห้องเป็นไปได้ง่ายขึ้น รวมถึงอาจจะช่วยให้เราได้เจอคอนโดที่ถูกใจเร็วขึ้นนั่นเอง

      มีสูตรดังนี้ : เงินเดือน(ทั้งเดือน) * เปอร์เซ็นต์ที่ต้องแบ่ง

      Ex. 15,000*30% = 4,500 บาท
      • เงินเดือน 25,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 7,500 บาท
      • เงินเดือน 35,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 10,500 บาท
      • เงินเดือน 55,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 16,500 บาท
  • 25 : เป็น ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าอาหาร ค่าช้อปปิ้ง ค่าเที่ยว ค่าใช้จ่ายตรงนี้สามารถหักลบไปเพิ่มในส่วนเงินเก็บได้ หรือจะคงไว้ที่ 25 เปอร์เซ็นต์ก็ได้เช่นกัน
  • 15 : เงินออม เป็นเงินที่เก็บไว้ในกรณีฉุกเฉินหรืออนาคต ทั้งนี้สามารถเพิ่มเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ได้ หากค่าใช้จ่ายส่วนตัวในเดือนนั้นไม่ได้มากเท่าไหร่

สรุปกันเถอะ!

จากที่เราได้เล่าให้ฟังนั้น จะเห็นได้เลยว่า เงินปัจจัยที่เกี่ยวกับราคาของคอนโดมีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อง ทำให้เราต้องเลือก พิจารณามากขึ้น ดังนั้น การที่เรามีสูตรในการแบ่งค่าใช้จ่ายนั้น จึงช่วยให้เรารู้ได้มากพอสมควรว่าเราควรเช่าคอนโดราคาเท่าไหร่ หรือสามารถปรับค่าใช้จ่ายได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อไม่ให้มีการใช้เงินเกินตัวจนเป็นหนี้นั่นเอง

หากมีคำถาม หรือข้อสงสัยอื่นๆเพิ่มเติม เกี่ยวกับการฝากซื้อฝากขาย หรือซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ สามารถติดต่อสอบถามทีม PropertyScout โดย คลิกที่นี่ ทางทีมงานยินดีช่วยเหลือและตอบทุกข้อสงสัยค่ะ