เงินเดือนเท่านี้ ควรเช่าคอนโดราคาไหน!?

เงินเดือนเท่านี้ ควรเช่าคอนโดราคาไหน!? เงินเดือนเท่านี้ ควรเช่าคอนโดราคาไหน!?

In Short

Advice

รู้ไว้ไม่เสียหาย เช่าห้องยังไงให้เหลือเงิน!

การเช่าคอนโด ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการหาที่อยู่อาศัยเหมือนกัน แต่เงินเดือนที่เรามีจะเหมาะกับการเช่าคอนโดราคาไหนบ้างนะ?

สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้ PropertyScout จะพาทุกคนมาลองคิด คำนวณ และวิเคราะห์กันว่า เงินเดือนที่เรามีนั้น ควรจะเช่าคอนโดราคาเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้พอดีกับเงินได้ในแต่ละเดือน จะเป็นยังไง ไปดูกันเลย!

Get to know ราคาค่าเช่าคอนโดในปัจจุบัน

ในปัจจุบันคอนโดนั้นมีราคาที่ให้เช่าที่ต่างกันไป โดยส่วนใหญ่จะเริ่มต้นอยู่ที่ 10,000 บาทสำหรับห้องสตูดิโอไปจนถึงราคาประมาณราว ๆ 80,000 บาทสำหรับคอนโดที่มีขนาดห้องที่ใหญ่ โดยที่ในแต่ละราคาก็จะมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

มารู้จักปัจจัยสำคัญกันเถอะ!

ทำเลที่ตั้ง

ทำเลที่ตั้งคอนโดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาเช่าคอนโดในแต่ละที่

บรรยากาศเมืองกรุงเทพ ฯ
  • กลางเมือง (กรุงเทพชั้นใน)
    • หรืออีกชื่อคือ CBD(Central Business District) เนื่องด้วยใกล้ความเจริญ เป็นที่ตั้งของสำนักงานต่าง ๆ มากมาย สามารถเดินทางได้สะดวก อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้บริการอีกมากมาย ทำให้ราคาคอนโดเวลาซื้อขายจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท หรือตีเป็นราคาเช่าก็ราว ๆ 15,000 - 70,000 บาทเลยทีเดียว

      ตัวอย่างพื้นที่ในกรุงเทพ : อโศก, สยาม, ทองหล่อ, ชิดลม, พร้อมพงษ์ และสามย่าน เป็นต้น
  • เขตรอบกลางเมือง
    • ในส่วนของพื้นที่รอบ ๆ กลางเมืองนั้น จะมีสำนักงานต่าง ๆ ตั้งอยู่แต่จะไม่มากเท่ากับบริเวณกลางเมือง ทำให้ผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่าบริเวณกลางเมือง แต่ก็ยังคงมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้บริการอยู่พอสมควรเหมือนกัน ส่งผลให้ราคาค่าเช่าคอนโดบริเวณนี้จะถูกลงมาจากกลางเมืองราว ๆ 12,000 - 50,000 บาท

      ตัวอย่างพื้นที่ในกรุงเทพ : พระราม 9, บางเขน, รัชโยธิน, บางกะปิ, ลาดพร้าว, บางนา เป็นต้น
  • ชานเมือง
    • พื้นที่ชานเมือง เป็นบริเวณที่ไม่ได้ติดกับตัวเมือง แต่ก็ไม่ได้ความว่าตรงนี้จะไม่มีความเจริญ แค่พื้นที่ส่วนนี้บางส่วนนั้น ใกล้เคียง หรือติดกับจังหวัดโดยรอบนั่นเอง ทั้งนี้ ในเขตชานเมืองจะเป็นบริเวณที่เน้นเรื่องธรรมชาติ การพักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวาย เหมาะกับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัว ส่งผลให้ราคาเช่าคอนโดจะอยู่ที่ 10,000 - 30,000 บาท

      ตัวอย่างพื้นที่ในกรุงเทพ : บางนา, สายไหม, คลองสามวา, มีนบุรี, หนองจอก, รังสิต เป็นต้น
  • ปริมณฑล/ นอกเมือง/ ต่างจังหวัด
    • บริเวณปริมณฑล นอกเมือง หรือต่างจังหวัดนั้น เป็นอีกพื้นที่ที่เหมาะมาก ๆ กับผู้ที่ต้องการความสงบ หรือผู้ที่ไม่ได้อยากอยู่ในกรุงเทพ ฯ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่กำลังพัฒนาในหลาย ๆ ส่วน ทั้งการคมนาคม พื้นที่พักผ่อน ห้างสรรพสินค้า โดยราคาจะเช่าคอนโดจะอยู่ที่ 10,000-30,000 บาท

      ตัวอย่างพื้นที่ในกรุงเทพ : ปริมณฑล, สนามบินน้ำ, นนทบุรี, สมุทรปราการ, ปทุมธานี เป็นต้น

สิ่งอำนวยความสะดวก

รถไฟฟ้าบนดิน (BTS)
  • รถไฟฟ้า BTS MRT หรือ ARL
    • ในพื้นที่ที่มีรถไฟฟ้าพาดผ่านนั้น จะมีราคาที่ค่อนข้างแพงกว่าพื้นที่ที่ไม่ติดรถไฟฟ้า เนื่องด้วยการเดินทางนั้น จะเป็นไปได้สะดวกกว่า เพราะสามารถเข้าไปในทำงานหรือทำธุระในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น ยิ่งคอนโดอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้ามากเท่าไหร่ ราคายิ่งสูงขึ้นนั่นเอง

ราคาประเมินจากกรมธนารักษ์

  • กรมธนารักษ์ เป็นหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ในการเคาะราคาประเมินที่ดินกลางอย่างเป็นทางการและเปิดเผย โดยสามารถใช้อ้างอิงกับราคาพื้นที่คอนโดในบริเวณนั้นได้ อีกทั้งยังเชื่อถือได้ มีมาตรฐาน แม้ผู้ซื้อหรือเช่าส่วนใหญ่จะไม่ได้ดูในส่วนนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ประเภทคอนโด

บรรยากาศคอนโดกลางเมืองตอนกลางคืน
  • High Rise/ Low Rise
    • คอนโดสองประเภทนี้มีความต่างกันในเรื่องของราคา สิ่งอำนวยความสะดวก รวมไปถึงวิวทิวทัศน์ภายนอก และสไตล์การดำเนินชีวิตด้วย

      High Rise : จะเป็นคอนโดมิเนียมประเภทตึกสูง เหมาะกับคนที่ชอบดูวิวทิวทัศน์ มีความสูงมากกว่า 23 ม. เป็นต้นไป มีทำเลเข้าออกเมืองสะดวก มีสิ่งอำนวยความสะดวกและส่วนกลางไว้บริการ ราคาซื้อและขายของ High Rise จะสูงกว่า

      Low Rise : คอนโดมิเนียมขนาดไม่สูงมาก ขนาดไม่เกิน 23 ม. อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าและถนน ทำให้เหมาะกับผู้ที่อยากได้ความสงบ หลีกหนีความวุ่นวาย ราคาซื้อและขายของ Low Rise จะถูกกว่า
  • ขนาดห้อง
    • ในแต่ละห้องจะมีขนาดไม่เท่ากัน สืบเนื่องมาจากปัจจัยราคาที่ดินต่อตารางเมตรนั่นเอง ทำให้ยิ่งห้องใหญ่ ราคายิ่งสูง ประกอบกับจำนวนผู้อยู่อาศัย หากอยู่คนเดียว ก็สามารถเช่าห้องประเภทสตูดิโอ หรือ 1 ห้องนอนได้ ซึ่งจะทำให้ราคาถูกกว่าการเช่าห้องที่มีห้องนอนหลาย ๆ ห้อง นั่นเอง

แจกสูตรคำนวณค่าใช้จ่าย!

เอาล่ะ มาถึงจุดสำคัญของบทความนี้ นั่นก็คือ การคำนวณค่าใช้จ่ายในการเช่าคอนโดกับเงินเดือนของเราว่าพอดีไหม ราคานี้จะแรงเกินไปรึเปล่า หรือเราจะมีเงินเหลือเก็บไหมนั่นเอง ใครที่กำลังจะเช่าคอนโดยิ่งต้องอ่านเลยนะ บอกเลย ไม่อ่านระวังพลาด!

1. สูตรแบ่งเงินชัดเจน : 50/20/20/10

  • ค่าใช้จ่ายประจำ 50 เปอร์เซ็นต์
    • 30 : ก้อนนี้ควรแบ่งไว้เป็น ค่าใช้จ่ายประจำ รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายทุก ๆ เดือนอย่างเลี่ยงไม่ได้ การที่ให้สัดส่วนเท่านี้ เพื่อเป็นการกำหนดว่า เราไม่ควรใช้เงินส่วนนี้เกินกว่า 30% เพื่อไม่ให้เป็นการเกิดหนี้สิน หรือภาระใช้จ่ายที่เกินตัวเกินไป เช่น ค่าบัตรเครดิต ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ค่าประกันสังคม ค่าน้ำ และค่าไฟ
    • 20 : ก้อนนี้แบ่งไว้เป็น ค่าเช่าคอนโด นั่นเอง สาเหตุที่ต้องให้ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นเพราะว่าต้องมีการคุมค่าใช้จ่ายตรงนี้อย่างชัดเจน หากเกินตัวไป อาจจะต้องหาคอนโดที่มีราคาที่ถูกกว่า ซึ่งทางเราแนะนำว่า เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว อาจจะไม่ต้องเกิน 50 เปอร์เซ็นต์นั่นเอง

      มีสูตรดังนี้ : เงินเดือน(ทั้งเดือน) * เปอร์เซ็นต์ที่ต้องแบ่ง

      Ex. 15,000*30% = 3,000 บาท
      • เงินเดือน 25,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 5,000 บาท
      • เงินเดือน 35,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 7,000 บาท
      • เงินเดือน 55,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 11,000 บาท
  • 20 : เป็น ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าอาหาร ค่าช้อปปิ้ง ค่าเที่ยว โดยส่วนใหญ่จะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้ตายตัวในทุกเดือน อาจจะมีน้อยหรือมากต่างกันไป แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ควรเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้นั่นเอง
  • 20 : เงินเก็บ อันนี้สำคัญมาก ๆ เลย เพราะไม่เพียงแต่เป็นเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคตเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นเงินฉุกเฉินเวลาที่เราจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น เงินส่วนนี้สามารถเก็บได้มากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์แต่ไม่ควรเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ เนื่องด้วยหากเราเก็บเงินมากเกินไปจนเกินตัว เราจะไม่มีเงินใช้จ่ายนั่นเอง
  • 10 : เงินส่วนนี้แม้จะดูเล็กน้อย แต่ก็สามารถเก็บไว้ได้ใน กรณีเผื่อเหลือเผื่อขาด หรือมีเหตุต้องใช้ด่วนจริง ๆ ในแต่ละเดือนนั่นเอง

2. สูตรเน้นใช้(เพิ่มค่าใช้จ่าย) : 50/30/10

  • ค่าใช้จ่ายประจำ 50 เปอร์เซ็นต์
    • 30 : ค่าใช้จ่ายประจำ เพื่อไม่ให้เป็นการเกิดหนี้สิน เราไม่ควรใช้เงินส่วนนี้เกินกว่า 30% เช่น ค่าบัตรเครดิต ค่าผ่อนรถยนต์ ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ค่าน้ำ และค่าไฟ ยังไงก็ตาม เราสามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนนี้ร่วมกับส่วนที่เป็นค่าเช่าคอนโดได้เช่นกัน
    • 20 : ค่าเช่าคอนโด นั่นเอง สาเหตุที่ต้องให้ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นเพราะว่าต้องมีการคุมค่าใช้จ่ายตรงนี้อย่างชัดเจน หากเกินตัวไป อาจจะต้องหาคอนโดที่มีราคาที่ถูกกว่า หรืออาจต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อที่จะได้ไม่แบกค่าใช้จ่ายส่วนนี้มากเกินไป

      มีสูตรดังนี้ : เงินเดือน(ทั้งเดือน) * เปอร์เซ็นต์ที่ต้องแบ่ง
      • เงินเดือน 15,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 3,000 บาท
      • เงินเดือน 25,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 5,000 บาท
      • เงินเดือน 35,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 7,000 บาท
      • เงินเดือน 55,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 11,000 บาท
  • 30 : เป็น ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าอาหาร ค่าเที่ยว รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทีไว้ใช้ผ่อนคลายตัวเองอีกด้วย
  • 10 : เงินออมต่อเดือน เป็นเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคต รวมถึงเป็นเงินฉุกเฉินเวลาที่เราจำเป็นต้องใช้จริง ๆ

3. สูตรสบาย(เพิ่มราคาค่าเช่าคอนโด) : 60/25/15

  • ค่าใช้จ่ายประจำ 60 เปอร์เซ็นต์
    • 30 : ก้อนนี้ควรแบ่งไว้เป็น ค่าใช้จ่ายประจำ จำเป็นต้องควบคุม เพื่อไม่ให้เป็นการเกิดหนี้สิน หรือภาระใช้จ่ายที่เกินตัวเกินไป เช่น ค่าบัตรเครดิต ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ค่าน้ำ และค่าไฟ
    • 30 : ค่าเช่าคอนโด นั่นเอง ตรงนี้เพิ่มขึ้นมาเพื่อให้การหาห้องเป็นไปได้ง่ายขึ้น รวมถึงอาจจะช่วยให้เราได้เจอคอนโดที่ถูกใจเร็วขึ้นนั่นเอง

      มีสูตรดังนี้ : เงินเดือน(ทั้งเดือน) * เปอร์เซ็นต์ที่ต้องแบ่ง

      Ex. 15,000*30% = 4,500 บาท
      • เงินเดือน 25,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 7,500 บาท
      • เงินเดือน 35,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 10,500 บาท
      • เงินเดือน 55,000 บาท ควรเช่าคอนโดราคาไม่เกิน 16,500 บาท
  • 25 : เป็น ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าอาหาร ค่าช้อปปิ้ง ค่าเที่ยว ค่าใช้จ่ายตรงนี้สามารถหักลบไปเพิ่มในส่วนเงินเก็บได้ หรือจะคงไว้ที่ 25 เปอร์เซ็นต์ก็ได้เช่นกัน
  • 15 : เงินออม เป็นเงินที่เก็บไว้ในกรณีฉุกเฉินหรืออนาคต ทั้งนี้สามารถเพิ่มเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ได้ หากค่าใช้จ่ายส่วนตัวในเดือนนั้นไม่ได้มากเท่าไหร่

สรุปกันเถอะ!

จากที่เราได้เล่าให้ฟังนั้น จะเห็นได้เลยว่า เงินปัจจัยที่เกี่ยวกับราคาของคอนโดมีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อง ทำให้เราต้องเลือก พิจารณามากขึ้น ดังนั้น การที่เรามีสูตรในการแบ่งค่าใช้จ่ายนั้น จึงช่วยให้เรารู้ได้มากพอสมควรว่าเราควรเช่าคอนโดราคาเท่าไหร่ หรือสามารถปรับค่าใช้จ่ายได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อไม่ให้มีการใช้เงินเกินตัวจนเป็นหนี้นั่นเอง

หากมีคำถาม หรือข้อสงสัยอื่นๆเพิ่มเติม เกี่ยวกับการฝากซื้อฝากขาย หรือซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ สามารถติดต่อสอบถามทีม PropertyScout โดย คลิกที่นี่ ทางทีมงานยินดีช่วยเหลือและตอบทุกข้อสงสัยค่ะ

FAQs

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Suspendisse varius enim in eros elementum tristique.

Explore More Topics

Free real estate resources and tips on how to capitalise