‘เลือกพัดลม’ แบบไหนดี และเหมาะกับบ้านของเรา?
สวัสดีึครับ ในช่วงที่สภาวะอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวแบบนี้ บางคนอาจจะติดแอร์ไว้ในบ้าน หรือในห้องที่ใช้งานเป็นประจำอยู่แล้ว แต่การเปิดเครื่องปรับอากาศทั้งวันก็อาจทำให้เกิดการสิ้นเปลืองอย่างแน่นอนใช่ไหมครับ ซึ่งในบทความนี้ PropertyScout ก็อยากจะแนะนำตัวเลือกอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือ 'พัดลม' ที่เรียกได้ว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าคู่บ้าน และมีกันแทบทุกบ้าน สามารถเอาไว้ใช้ในวันที่อากาศไม่ได้ร้อนจัดจ้านมากนัก และช่วยระบายอากาศที่แสนจะอบอ้าวได้ดีทีเดียว
แต่การซื้อพัดลมสักเครื่องนั้นควรดูอย่างไร เพราะยังคงเป็นที่สงสัยว่าหากเลือก 'พัดลมแบบไอเย็น' จะดีกว่า 'พัดลมไอน้ำ' หรือไม่ หรือจะใช้เป็นพัดลมใบพัดธรรมดาอย่างที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ในบทความนี้จะแนะนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการทำงานของพัดลมแต่ละประเภท เพื่อที่จะได้นำไปใช้ประกอบการเลือกซื้อให้เหมาะสมกับบ้านของตัวเองครับ
พัดลมแบบต่าง ๆ
พัดลมใบพัด
'พัดลมใบพัด' เป็นพัดลมแบบดั้งเดิมที่ใช้งานมายาวนาน และเป็นที่คุ้นหน้ากันดี มีทั้งแบบตั้งพื้น ตั้งโต๊ะ แบบแขวนเพดาน ติดผนัง และแบบที่เป็นพัดลมระบายอากาศครับ
การทำงาน
พัดลมใบพัดมีระบบการทำงานที่สั่งการด้วยกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านเข้าสู่มอเตอร์ โดยมอเตอร์ที่อยู่ในพัดลมเป็นแบบหมุนแรงเหวี่ยง (Centrifugal Flow) เมื่อส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไป ก็ทำให้แกนมอเตอร์หมุนใบพัดที่ติดอยู่กับแกนหมุนตามไปด้วย จึงเกิดลมพัดออกมาครับ
ปัจจุบันพัดลมใบพัดมีการพัฒนาให้มีกำลังลมที่แรงขึ้น แต่ลมแรงที่ออกมานั้นมีลักษณะการพัดที่นุ่มนวล ให้ความรู้สึกสบายตัว ในบางรุ่นมีระบบสั่งการด้วยรีโมตและเชื่อมต่อกับบลูทูธได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานครับ
ขนาดพื้นที่ที่รองรับ
- 20-30 ตารางเมตร (ขึ้นอยู่กับสเปคของแต่ละรุ่น)
ข้อดี
- ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย หากเป็นชนิดตั้งโต๊ะและตั้งพื้นมักมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก ส่วนชนิดที่ติดผนังและแขวนเพดานก็ช่วยในเรื่องการประหยัดพื้นที่ สามารถเปิดใช้งานได้ต่อเนื่องนาน ๆ ครับ
ข้อเสีย
- หากใช้งานในห้องที่มีฝุ่นเยอะจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย และต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดทั้งในส่วนของใบพัด ตะแกรงครอบหน้าหลัง รวมถึงช่องลมตรงฝาครอบมอเตอร์ของพัดลม ซึ่งเป็นช่องระบายความร้อนของมอเตอร์อย่าให้มีฝุ่นจับ เพื่อให้พัดลมทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอครับ หากปล่อยให้ฝุ่นจับจะทำให้เกิดความร้อนสะสมที่มอเตอร์ ส่งผลให้เสียเร็วขึ้น
พัดลมแบบไอน้ำ
'พัดลมไอน้ำ' สามารถเรียกอีกชื่อว่า 'พัดลมไอหมอก' ก็ได้ มีลักษณะรูปทรงที่คล้ายกับพัดลมใบพัด แต่มีถังสำหรับเก็บน้ำอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง มีทั้งแบบเคลื่อนที่ได้และแบบติดตั้งถาวรครับ
พัดลมระเภทนี้จะมีระบบการทำงานคล้ายกับการพ่นหมอก สร้างละอองหมอกด้วยการดูดน้ำด้วยปั๊มแรงดันสูง (High Pressure Pump) จากตัวถังน้ำแล้วกระจายผ่านหัวพ่นหมอก (Mist Nozzle) ที่มีรูขนาดเล็กเพื่อให้น้ำแตกละออง ในกระบวนการนี้ละอองหมอกจะดูดซับเอาความร้อนจากอากาศรอบตัว ทำให้อากาศเย็นลง หัวพ่นหมอกจะมีรูกระจายน้ำที่มีขนาดเล็กเพียง 0.1 – 0.4 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้น้ำสามารถกระจายตัวได้อย่างรวดเร็วและเป็นฝอยละเอียด ไม่ทำให้รู้สึกเปียกชื้นแต่อย่างใดครับ และหากเปิดพัดลมแรงขึ้นจะส่งไอน้ำได้ไกลขึ้น ทำให้เกิดอากาศเย็นทั่วพื้นที่วงกว้างครับ
ขนาดพื้นที่ที่รองรับ
- 20-90 ตารางเมตร (ขึ้นอยู่กับสเปคของแต่ละรุ่น)
ข้อดี
- สามารถใช้ในที่โล่งแจ้งอย่างในสวนหรือพื้นที่นอกบ้านอื่น ๆ ได้ครับ เพราะว่ามีกำลังลมที่แรงและกระจายละอองน้ำได้ไกล สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้มากถึง 90 ตารางเมตร (ขึ้นอยู่กับสเปคของแต่ละรุ่น)
ข้อเสีย
- ไม่เหมาะสำหรับห้องที่มีลักษณะเล็กและแคบ เพราะมีระบบทำความเย็นแบบเพิ่มความชื้นในอากาศ หากใช้ในห้องเล็ก ๆ อาจก่อให้เกิดความอับชื้นและเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ครับ
พัดลมแบบไอเย็น
เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่หลายคนเลือกใช้ เพราะสามารถใช้ดับความร้อนภายในบ้านได้ดีครับ สำหรับพัดลมไอเย็นมีการทำงานแตกต่างจากพัดลมไอน้ำตรงที่ระบบการทำงานภายในตัวเครื่องจะเป็นแบบ 'Evaporative Cooling Systems' ทำหน้าที่ดึงความร้อนออกจากอากาศโดยดูดอากาศร้อนไหลผ่านมาปะทะกับแผ่นเย็น หรือ 'Cooling Pad' ซึ่งเป็นแผ่นทำความเย็นโดยใช้น้ำเย็นที่อยู่ในถังเก็บน้ำ (ต้องหมั่นเติมน้ำให้เต็มถังอยู่เสมอ) เมื่ออากาศร้อนมาปะทะกับแผ่นเย็น น้ำในแผ่นก็จะระเหยออกไปพร้อมกับดึงความร้อนในอากาศออกไปด้วย เพียงเท่านี้ลมที่เป่าออกมาก็กลายเป็นลมเย็นแล้วครับ และพัดลมประเภทนี้ก็มีระบบการทำงานที่เหมือนกับระบบที่ใช้ในโรงเรือนปลูกต้นไม้ ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกินไป
สำหรบพื้นที่ที่เหมาะสำหรับเปิดพัดลมแบบไอเย็นควรเป็นที่โปร่ง และระบายอากาศได้ดีครับ และต้องหมั่นทำความสะอาดแผงทำความเย็นเพื่อป้องกันเชื้อรา และการสะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ
ขนาดพื้นที่ที่รองรับ
- 15-55 ตารางเมตร (ขึ้นอยู่กับสเปคของแต่ละรุ่น)
ข้อดี
- มีขนาดกะทัดรัด สามารถเคลื่อนย้ายสะดวก และยังมีช่วงราคาอยู่ในเรตไม่สูงมากครับ นอกจากนั้นยังมีหลายรุ่นให้เลือกซื้อ ตามกำลังลมและปริมาณน้ำที่บรรจุได้ ซึ่งจะสัมพันธ์กับจำนวนชั่วโมงในการเปิดใช้งานครับ
ข้อเสีย
- ไม่สามารถใช้ทดแทนแอร์ได้สำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ และไม่ควรใช้ในห้องขนาดเล็กที่ไม่มีหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศ เพราะว่าสามารถทำให้เกิดความชื้นสะสม เป็นแหล่งรวมของเชื้อโรค
พัดลมแบบไร้ใบพัด
'พัดลมแบบไร้ใบพัด' ถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สร้างความแตกต่างให้กับพัดลมที่มีวางขายในท้องตลาดครับ ทำงานโดยมีมอเตอร์ดูดอากาศเข้าไปในเครื่อง และอากาศจะถูกเร่งผ่านช่องวงแหวนที่อยู่ภายในหัวจ่ายลม กลายเป็นกระแสลมพ่นออกจากหัวจ่ายลมที่มีลักษณะเป็นช่องวงแหวน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีตะแกรงป้องกันใบพัดครับ และยังทำให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยและทำความสะอาดง่ายอีกด้วย นอกจากนั้นในบางรุ่นที่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้มีการเพิ่มฟังก์ชันเครื่องฟอกอากาศเข้าไปด้วย ทำให้สามารถตรวจจับและดักจับฝุ่นอนุภาคขนาดเล็ก PM 2.5 และดูดซับสารระเหยในอากาศที่เป็นอันตรายต่อร่างกายครับ
ขนาดพื้นที่ที่รองรับ
- 15-20 ตารางเมตร (ขึ้นอยู่กับสเปคของแต่ละรุ่น)
ข้อดี
- นอกจากให้ความเย็นได้แล้วยังช่วยเพิ่งพลังอากาศบริสุทธิ์และดูดซับฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กได้ เป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยครับ และด้วยดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูทันสมัยทำให้เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถใช้ตกแต่งบ้านได้ด้วย
ข้อเสีย
- มีกำลังลมค่อนข้างเบา ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับใช้งานควบคู่กับแอร์ครับ โดยใช้ตั้งในมุมที่ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศเข้าไม่ถึง นอกจากนั้นทั้งราคาขายและราคาอะไหล่ก็สูงตามฟังก์ชันที่ล้ำสมัยด้วยครับ
แต่ละแบบกินไฟขนาดไหน?
- พัดลมใบพัด - กินไฟอยู่ที่ประมาณ 43-64 กิโลวัตต์
- พัดลมแบบไอน้ำ - กินไฟอยู่ที่ประมาณ 65-216 กิโลวัตต์
- พัดลมแบบไอเย็น - กินไฟอยู่ที่ประมาณ 46-220 กิโลวัตต์
- พัดลมแบบไร้ใบพัด - กินไฟอยู่ที่ประมาณ 23-40 กิโลวัตต์
แต่ละแบบมีเรทราคาอยู่ที่เท่าไหร่?
- พัดลมใบพัด - ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 500-3,000 บาท
- พัดลมแบบไอน้ำ - ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,500-15,000 บาท
- พัดลมแบบไอเย็น - ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2000-20,000 บาท
- พัดลมแบบไร้ใบพัด - ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3,000-30,000 บาท
สรุปส่งท้าย
หวังว่าข้อมูลของพัดลมแต่ละแบบจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ สำหรับการเลือกซื้อพัดลมมาใช้งานเพื่อระบายอากาศร้อนแสนอบอ้าว PropertyScout ขอแนะนำว่าไม่ควรเลือกจากราคาถูก หรือเลือกจากฟังก์ชั่นล้ำ ๆ ราคาแพง ๆ ไว้ก่อน แต่ทางที่ดีควรดูจากหลายปัจจัยประกอบกัน และที่สำคัญคือต้องเหมาะสมกับขนาดห้องและวัตถุประสงค์การใช้งานของเราด้วยนะครับ
สำหรับใครที่มีความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ รือต้องการแชร์ประสบการณ์การอยู่อาศัยในบ้าน ในคอนโด สามารถคอมเม้นท์กันมาได้ที่ด้านล่างเลย!
PropertyScout แหล่งรวมอสังหา ฯ ที่ดีที่สุดในประเทศไทย
หาทรัพย์ที่ชอบ ในราคาที่ใช่ ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว
อ่านบทความอื่นที่เกี่ยวข้อง คลิก