จะผ่อนบ้านต้องรู้! Refinance กับ Retention แบบไหนดี?

จะผ่อนบ้านต้องรู้! Refinance กับ Retention แบบไหนดี? จะผ่อนบ้านต้องรู้! Refinance กับ Retention แบบไหนดี?

In Short

Advice

มาพบกันอีกครั้งกับ PropertyScout Blog นะครับ สำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังมองหาบ้านหลังใหม่ แล้วเลือกวิธีผ่อนจ่าย ก็คงจะเป็นเรื่องปกติที่ต้องยื่นขอข้อเสนอดอกเบี้ยถูกไว้ก่อน ซึ่งดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรกของการผ่อนจะเป็นลักษณะดอกเบี้ยคงที่ (MRR) และหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยแบบลอยตัว (MLR) ทันที ซึ่งหลายคนก็คงจะเคยได้ยินกันมาบ้าง ว่าเราสามารถทำการ Refinance เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยในการผ่อนบ้าน และก็ยังมีอีกวิธีการหนึ่งที่เรียกว่า Retention ซึ่งช่วยลดภาระในการแบกรับอัตราดอกเบี้ยได้เหมือนกัน แล้วสองวิธีนี้มันแตกต่างกันอย่างไร? วิธีไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน?

จะผ่อนบ้านต้องรู้-Retention-กับ-Refinance-แบบไหนดี-2

การ Refinance คืออะไร?

เมื่อเราผ่อนบ้านหรือคอนโดครบ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยก็จะเปลี่ยนเป็นแบบลอยตัวทำให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น เราก็จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการที่ต้องผ่อนจ่ายแพงขึ้นนั่นเอง ซึ่งการ Refinance ก็คือวิธียอดนิยมในการลดอัตราดอกเบี้ย โดยเราสามารถขอยื่นกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารใหม่ เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำลง ซึ่งจะช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลงและผ่อนบ้านหมดไวยิ่งขึ้นครับ

การ Retention คืออะไร?

Retention เป็นการขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมที่กำลังผ่อนอยู่ ซึ่งก่อนที่เราจะได้รับการอนุมัตินั้น ทางธนาคารจะต้องตรวจสอบประวัติการผ่อนชำระของเราด้วย

จะผ่อนบ้านต้องรู้-Retention-กับ-Refinance-แบบไหนดี-1-scaled
เมื่อเราผ่อนบ้านหรือคอนโดครบ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยก็จะเปลี่ยนเป็นแบบลอยตัว ทำให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น

เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ของทั้งสองวิธี

สรุปข้อดีและข้อเสียของการ Refinance

ข้อดี

  • ได้อัตราดอกเบี้ยในเรทต่ำ
  • สามารถเปรียบเทียบเลือกอัตราดอกเบี้ยในเรทต่ำได้หลายธนาคาร

ข้อเสีย

  • เตรียมเอกสารการขอกู้ใหม่ทั้งหมด
  • มีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายดังนี้การจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่ 0-3%ค่าธรรมเนียมในการจำนอง 1%ค่าอากรแสตมป์ 0.05%ค่าประเมินราคาหลักประกัน 0.25-2%ค่าประกันอัคคีภัย
  • ใช้เวลาในการอนุมัติ

สรุปข้อดีและข้อเสียของการ Retention

ข้อดี

  • การ Retention ดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิมไม่ต้องเสียเวลายื่นเอกสาร ติดต่อกับธนาคารใหม่ เตรียมแค่สัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน
  • มีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ 1-2% ของวงเงินกู้
  • ระยะเวลาในการอนุมัติรวดเร็ว

ข้อเสีย

  • ได้ลดอัตราดอกเบี้ยไม่เยอะ โดยอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

วิธีไหนคุ้มค่ากว่ากัน?

เมื่อเข้าใจความหมายและวัตถุประสงค์ของทั้งสองคำนี้แล้ว PropertyScout Blog อยากจะชวนทุกคนมาค้นหาคำตอบว่าการยื่นเรื่องกับธนาคารเพื่อขอ Refinance กับ Retention วิธีไหนให้ความคุ้มค่าในแง่ของดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ตามมาดูกันครับ 

ตัวอย่าง:

นาง Property  ต้องการกู้เงินซื้อบ้านโครงการ แอมเบอร์ คอนโดมิเนียม ติวานนท์ ในราคา 5.9 ล้านบาท โดยยื่นกู้กับธนาคารหนึ่ง ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 5.12% ทำให้นาง Property ต้องผ่อนเดือนละ 42,700 บาท จึงตัดสินใจทำการ Refinance กับธนาคารใหม่ ได้อัตราดอกเบี้ยปีละ 4.00% ทำให้มียอดผ่อนลดลงเหลือเดือนละ 39,000 บาท ประหยัดไป 3,700 บาท/เดือน

นาย Scout ต้องการกู้เงินซื้อคอนโดโครงการ พฤกษาทาวน์ เน็กซ์ อ่อนนุช-พระราม 9 ราคา 7.3 ล้านบาท โดยยื่นกู้กับธนาคารหนึ่ง มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 5.12% ทำให้นาย Scout ต้องผ่อนเดือนละ 52,900 บาท หลังจากนั้นจึงตัดสินใจทำการ Retention ดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม ทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยลดลงเหลือปีละ 4.62% และมียอดผ่อนเหลือเดือนละ 50,800 บาท ทำให้ประหยัดไป 2,100 บาท/เดือน

จากที่ได้ยกตัวอย่างให้ดู จะเห็นว่าวิธีการ Refinance นั้น เป็นการขออัตราดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารที่ใหม่ทำให้ได้เรทดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ช่วยประหยัดเงินต่อเดือน และเกิดความคุ้มค่ามากกว่าทำ Retention กับธนาคารเดิมครับ

บทสรุปส่งท้าย : วิธีไหนดีกว่ากัน?

ต้องขอบอกว่าการทำ Retention มีจุดเด่นในเรื่องของความสะดวกในการขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่า เพราะว่าสามารถทำได้กับธนาคารเดิม ส่วนใครที่เลือกวิธี Refinance จะมีโอกาสในการเลือกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่หลากหลายกว่า อย่างไรก็ตาม คงจะไม่สามารถฟันธงได้ว่าวิธีไหนดีกว่ากัน เราควรเลือกวิธีที่อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด ในเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเองครับ ทาง PropertyScout Blog ขอแนะนำให้ทุกคนลองปรึกษากับธนาคารเดิมที่กำลังผ่อนบ้านอยู่ เพื่อขอข้อมูลดอกเบี้ยของการ Retention ก่อนที่จะตัดสินใจไป Refinance กับธนาคารอื่นก็ได้


ถ้าอยากได้คำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือต้องการ ซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ สามารถติดต่อ PropertyScout ได้เลย! ทางทีมงานพร้อมให้บริการและตอบทุกข้อสงสัยครับ!

FAQs

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Suspendisse varius enim in eros elementum tristique.

Explore More Topics

Free real estate resources and tips on how to capitalise