‘ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง’ คืออะไร? จัดการอย่างไรให้เสียน้อยที่สุด?

‘ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง’ คืออะไร? จัดการอย่างไรให้เสียน้อยที่สุด? ‘ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง’ คืออะไร? จัดการอย่างไรให้เสียน้อยที่สุด?

In Short

Advice

อย่างที่ทราบกันดีว่าตั้งแต่มีการออกกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่เมื่อปี 2562 มาแทนที่กฎหมายภาษีโรงเรือนและที่ดินของเดิม และก็ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีมาตั้งแต่ปี 2563 เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเจ้าของที่ดิน ผู้ถือครองอสังหา ฯ หลายคนก็คงเหนื่อยใจกัน เพราะต้องเสียภาษีมากขึ้น ยิ่งใครที่ถือที่ดินเปล่า ๆ ยิ่งมีอัตราภาษีสูงลิบลิ่ว ส่วนคนที่มีบ้าน มีคอนโดหลายแห่งก็คงปาดเหงื่อตามกันไป ดังนั้นในบทความนี้ PropertyScout จะมาแนะนำวิธีการจัดการเรื่องภาษีที่ดิน ทำอย่างไรให้เสียน้อยที่สุด ตามมาดูกันครับ

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง-คืออะไร-จัดการอย่างไร-ให้เสียน้อยที่สุด

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคืออะไร?

ภาษีที่ดิน-และ-สิ่งปลูกสร้าง-คืออะไร
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คือ กฎหมายใหม่ที่มาแทนกฎหมายเดิม ซึ่งก็คือ 'ภาษีโรงเรือนและที่ดิน' และ 'กฎหมายว่าด้วยภาษีบํารุงท้องที่' นั่นเองครับ โดยกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่นี้มีจุดประสงค์ในการช่วยลดความเลื่อมล้ำ และเพิ่มการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นผู้จัดเก็บภาษีโดยมีรัฐบาลเป็นผู้ดูแล ซึ่งการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับ อปท. นำไปใช้เป็นเงินสำรองสำหรับพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางสำหรับชุมชน ให้มีบริการที่ทกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ในระยะยาว มีคุณภาพการใช้งานที่ดีขึ้นครับ นอกจากนั้นการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างยังสามารถลดจำนวนการถือครองที่ดินเพื่อการเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย 


ที่ดินแต่ละประเภทต้องเสียภาษีเท่าไหร่

ในทางกฎหมายกำหนดให้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแต่ละประเภทต้องเสียภาษีตามลักษณะของการใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน ดังนี้ครับ

  • ที่ดินการเกษตรกรรม
  • ที่ดินอยู่อาศัย
  • ที่ดินพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม
  • ที่ดินรกร้าง ที่ดินว่างเปล่า

ที่ดินเกษตรกรรม 

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง-ที่ดิน-เกษตรกรรม
ที่ดินเกษตรกรรม

หากเป็นที่ดินที่ใช้ประโยชน์ในการทำเกษตรกรรม จะต้องเสียภาษีในอัตราตั้งแต่ 0.01-0.1% โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 'บุคคลธรรมดา' ที่เป็นเจ้าของที่ดินเกษตรกรรม และ 'นิติบุคคล' ที่เป็นเจ้าของที่ดินเกษตรกรรม


'บุคคลธรรมดา' ที่เป็นเจ้าของที่ดินเกษตรกรรม

จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราดังนี้:

  • มูลค่าที่ดิน : 0-50 ล้านบาท
    อัตราภาษี : ได้รับการยกเว้นภาษี
    ภาษีที่ต้องเสีย : -
  • มูลค่าที่ดิน : 50-125 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.01%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 100 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 125-150 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.03%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 300 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 150-550 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.05%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 500 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 550-1,050 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.07%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 700 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 1,050 ล้านบาทขึ้นไป
    อัตราภาษี : 0.1%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 1,000 บาท

'นิติบุคคล' ที่เป็นเจ้าของที่ดินเกษตรกรรม

จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราดังนี้:

  • มูลค่าที่ดิน : 0-75 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.01%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 100 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 75-100 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.03%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 300 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 100-500 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.05%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 500 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 500-1,000 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.07%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 700 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 1,000 ล้านบาทขึ้นไป
    อัตราภาษี : 0.1%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 1,000 บาท

ที่ดินอยู่อาศัย

ที่ดิน-อยู่อาศัย
ที่ดินอยู่อาศัย

เมื่อที่ดินถูกปลูกสร้างเป็นที่อยู่อาศัย เจ้าของกรรมสิทธิ์จะต้องเสียภาษีในอัตราตั้งแต่ 0.02-0.1% โดยแบ่งตามประเภทการเป็นเจ้าของได้ 3 ประเภท คือ ผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 'หลังเดียว' , ผู้ที่เป็นเจ้าของ 'เฉพาะสิ่งปลูกสร้างหลังเดียว'


ผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง 'หลังเดียว'

จะต้องเสียภาษีตามมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราดังนี้:

  • มูลค่าที่ดิน : 0-50 ล้านบาท
    อัตราภาษี : ได้รับการยกเว้นภาษี
    ภาษีที่ต้องเสีย : -
  • มูลค่าที่ดิน : 50-75 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.03%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 300 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 75-100 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.05%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 500 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 100 ล้านบาทขึ้นไป
    อัตราภาษี : 0.1%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 1,000 บาท

ผู้ที่เป็นเจ้าของ 'เฉพาะสิ่งปลูกสร้างหลังเดียว'

ไม่ว่าจะถือครองบ้าน คอนโด ทาวเฮ้าส์ หรืออาคารพักอาศัยรูปแบบอื่น ๆ จะต้องเสียภาษีตามมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราดังนี้:

  • มูลค่าที่ดิน : 0-10 ล้านบาท
    อัตราภาษี : ได้รับการยกเว้นภาษี
    ภาษีที่ต้องเสีย : -
  • มูลค่าที่ดิน : 10-50 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.02%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 200 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 50-75 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.03%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 300 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 75-100   ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.05%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 500 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 100 ล้านบาทขึ้นไป
    อัตราภาษี : 0.1%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 1,000 บาท

ผู้ที่เป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างหรือที่ดิน 'ตั้งแต่ 2 หลังขึ้นไป' 

สำหรับคนที่ถือครองบ้าน คอนโด ทาวเฮ้าส์ หรืออาคารพักอาศัยรูปแบบอื่น ๆ ตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไปจะต้องเสียภาษีตามมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราดังนี้:

  • มูลค่าที่ดิน : 0-50 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.02%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 200 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 50-75 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.03%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 300 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 75-100 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.05%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 500 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 100 ล้านบาทขึ้นไป
    อัตราภาษี : 0.1%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 1,000 บาท

ที่ดินพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม

ที่ดินพาณิชยกรรม-และอุตสาหกรรม
ที่ดินพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม

สำหรับที่ดินที่ใช้เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม ผู้เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลักษณะ ร้านอาหาร ออฟฟิศ โรงแรม สำนักงาน มีอัตราภาษีทีต้องเสียตั้งแต่ 0.3-0.7% ดังนี้

  • มูลค่าที่ดิน : 0-50 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.3%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 3,000 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 50-200 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.4%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 4,000 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 200-1,000 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.5%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 5,000 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 1,000-5,000 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.6%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 6,000 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 5,000 ล้านบาทขึ้นไป
    อัตราภาษี : 0.7%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 7,000 บาท

ที่ดินรกร้าง ที่ดินว่างเปล่า

ที่ดินรกร้าง-ที่ดินว่างเปล่า
ที่ดินรกร้าง ที่ดินว่างเปล่า

ในกรณีที่ผู้เป็นเจ้าของที่ดินแต่ไม่ได้นำมาทำประโยชน์ ปล่อยให้เป็นที่ดิกรกร้าง จะต้องเสียภาษีในอัตราภาษีตั้งแต่ 0.3-0.7% ดังนี้

  • มูลค่าที่ดิน : 0-50 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.3%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 3,000 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 50-200 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.4%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 4,000 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 200-1,000 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.5%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 5,000 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 1,000-5,000 ล้านบาท
    อัตราภาษี : 0.6%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 6,000 บาท
  • มูลค่าที่ดิน : 5,000 ล้านบาทขึ้นไป
    อัตราภาษี : 0.7%
    ภาษีที่ต้องเสีย : ล้านละ 7,000 บาท

จัดการภาษีที่ดินอย่างไรให้เสียน้อยที่สุด?

จัดการภาษีที่ดินอย่างไร-ให้เสียน้อยที่สุด
วิธีจัดการภาษีที่ดินให้เสียน้อยที่สุด

สำหรับคนมีที่ดินเยอะ หรือมีบ้านมีคอนโดหลายแห่ง รวมไปถึงพื้นที่รกร้าง ที่ดินเปล่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ การจัดการภาษีนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่เช่นนั้นจะต้องเสียภาษีกันแบบปาดเหงื่อแน่นอนครับ


สำหรับคนที่มีบ้าน มีคอนโดหลายแห่ง

  • โอนบ้านเป็นชื่อทายาทหรือลูกหลาน - หากเราอยากมอบเป็นมรดกให้ลูกของเราอยู่แล้ว การโอนบ้านเป็นชื่อลูกนั้น จะได้รับสิทธิบ้านหลังแรก ซึ่งยกเว้นภาษี 50 ล้าน
  • ย้ายชื่อไปอยู่บ้านที่แพงที่สุด - บ้านหลังแรกหรือบ้านที่เราอยู่จะยกเว้นภาษี 50 ล้าน ดังนั้นการที่เราเลือกให้ชื่อที่เราอยู่ในบ้านหลังที่แพงที่สุดก็จะช่วยประหยัดภาษีได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

สำหรับคนมีที่ดินว่างเปล่า

เนื่องจากรัฐสนับสนุนให้เพิ่มมูลค่าให้กับที่ดินไม่ปล่อยให้รกร้าง จึงเก็บภาษีที่ดินเปล่าแพงกว่าที่ดินประเภทอื่น ๆ ซึ่งหากยังปล่อยรกร้างต่อก็จะโดนอัตราภาษีที่สูงขึ้นทุก ๆ ปี อีกด้วย ดังนั้นเราจึงควรสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินที่เรามีให้เกิดประโยชน์

  • แบ่งแปลงที่ดินให้เล็กลง - เพราะภาษีนั้นคิดเป็นแบบขั้นบันได ยิ่งแปลนที่ดินใหญ่ก็จะยิ่งเสียภาษีเยอะ ดังนั้นการที่เราแบ่งแปลนที่ดินเป็นหลาย ๆ แปลงจะทำให้ราคาประเมินถูกลง ก็จะเสียภาษีน้อยลง
  • เปลี่ยนที่ดินรกร้างเป็นที่ดินเกษตรกรรม - การแปลงที่ดินเปล่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรม นอกจากจะทำให้เสียภาษีน้อยลงแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้อีกทางด้วย แต่ที่ดินบางที่ก็อาจจะไม่เหมาะแก่การทำเกษตรกรรม เช่น ภูมิประเทศ พื้นที่ในเมือง หรืออาจจะติดด้วยข้อกำหนดบางอย่าง
    • สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนที่ดินรกร้างเป็นที่ดินเกษตรกรรม ก็จะต้องไปขึ้นทะเบียนยืนยันตัวตนว่าเป็น 'เกษตรกร' ที่สำนักงานกลุ่มทะเบียนเกษตรกร กรมส่งเสริมการเกษตรด้วยจากนั้น ต้องติดต่อให้สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งของพื้นที่ดินแปลงนั้นอยู่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจที่ดินและยืนยันหลักฐานก่อนขึ้นทะเบียนให้ แต่จะไม่ใช่การขึ้นทะเบียนครั้งเดียวจบ หรือใช้ได้ตลอดนะครับ แต่เราจะต้องทำการต่อทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรทุกปี
  • สร้างบ้านในที่ดินที่มี - ถ้าเรามีที่ดินแปลงใหญ่ซึ่งอาจจะเสียภาษีในฐานที่สูง อาจจะเลือกที่จะสร้างบ้านไว้ในที่ดินนั้น ก็จะทำให้เสียภาษีน้อยลงมาได้เพราะกลายเป็นที่ดินเพื่ออยู่อาศัยทันที

สรุปส่งท้าย

สำหรับเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ถือครองอสังหา ฯ ทุกคนควรทำความเข้าใจให้ดี เพราะภาษีก็คือค่าใช้จ่ายรูปแบบนึงที่จะต้องบริหารจัดการ ซึ่งก็ยังมีผลต่อการวางแผนในการซื้อและลงทุนอสังหา ฯ ในอนาคตข้างหน้าได้ดีขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม PropertyScout อยากแนะนำให้ทุกคนนึกไว้เสมอว่า เรามีหน้าที่ชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ควรปฏิบัตินะครับ หากลืมจ่ายหรือพยายามหนีการจ่ายอาจถูกปรับ เป็นการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไปอีก หรืออย่างแย่ทรัพย์ของเรานั้นอาจถูกยึด อายัด ไปขายทอดตลาดโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ครับ


อ่านบทความ รีวิวโครงการ อัปเดตข่าวเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ได้ที่ PropertyScout Blog

มีคำถาม ข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ หรือต้องการ เช่า ซื้อ ขาย สามารถคลิกตามด้านล่าง ทีมงานของเราพร้อมให้บริการ!


อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก






FAQs

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Suspendisse varius enim in eros elementum tristique.

Explore More Topics

Free real estate resources and tips on how to capitalise