ไลฟ์สไตล์
แหล่งรวมทุกเรื่องราวหลากหลาย ไลฟ์สไตล์ ไอเดีย ทิปส์ และเคล็ดลับการตกแต่ง ที่จะทำให้บ้าน-คอนโด ของคุณน่าอยู่ยิ่งขึ้น
วิธีสยบ ‘คราบหินปูนบนกระจกห้องน้ำ’ ทำได้อย่างไร?
‘คราบหินปูน’ ความสกปรกที่มักจะมาเยือนกระจกในห้องน้ำและสุขภัณฑ์อื่น ๆ อยู่เสมอ ทำให้ห้องน้ำดูไม่น่าใช้ และเป็นแหล่งสะสมสิ่งสกปรกอันไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะบริเวณกระจก ที่สามารถมองเห็นคราบสกปรกได้ง่าย หากปล่อยท้งไว้ก็อาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ครับ ดังนั้นการหมั่นทำความสะอาดขจัดคราบหินปูน จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันและกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ มาดูวิธีทำความสะอาดกระจก และขจัดคราบหินปูนกับ PropertyScout กันครับ ‘คราบหินปูนบนกระจกห้องน้ำ’ เกิดจากอะไร? คราบหินปูนที่เกาะระจกหรือพื้นห้องน้ำ เกิดจากการสะสมของแร่ธาตุต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำประปา ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้มีความกระด้างสูง ทำให้บริเวณที่น้ำประปาสัมผัสอยู่เป็นประจำ มักจะเกิดรอยด่างและคราบหินปูนอย่างรวดเร็วครับ ดังนั้นบริเวณกระจก อ่างล้างน้ำ โถสุขภัณฑ์ หรือบริเวณพื้นส่วนเปียก มักจะเป็นบริเวณที่พบเห็นคราบหินปูนเกาะสะสมอยู่จำนวนมาก วิธีสยบคราบหินปูน เดี๋ยวเรามาดูกันว่าวิธีสยบคราบหินปูนบนกระจกห้องน้ำ สามารถทำได้อย่างไรบ้าง PropertyScout คัดเลือกมาโดยเน้นไปที่วิธีแบบออแกนิค เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนครับ กรดมะนาว + น้ำยาล้างจาน สำหรับวิธีการแรกก็คือการใช้กรดของมะนาวที่เป็นกรดอินทรีย์อ่อน ๆ และไม่เป็นอันตรายครับ ให้ผสมกรดมะนาว 100 กรัมเข้ากับน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชา และนำไปผสมกับน้ำสะอาด…
รู้สาเหตุ ‘เครื่องทำน้ำอุ่นไม่แรง’ พร้อมวิธีแก้ไขปัญหาแบบตรงจุด!
สวัสดีครับ สำหรับปัญหา ‘เครื่องทำน้ำอุ่นไม่แรง’ ถือว่าเป็นปัญหายอดฮิตที่หลายคนเจอกันอยู่บ่อย ๆ เปิดเครื่องทำน้ำอุ่นอาบน้ำไปมาอยู่ดี ๆ ปรากฏว่าน้ำไหลออกมาช้า และไม่แรงพอที่จะใช้งานได้ แต่ก่อนที่จะโทรเรียกช่างมาเช็คอาการ ลองพิจารณาหาสาเหตุและหาแนวทางการแก้ไขเบื้องต้นก่อน ว่าจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไรบ้าง เพราะบางทีปัญหาอาจเกิดจากเรื่องเล็กจนแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง หรือถ้าจะใช้บริการช่างก็จะได้ชี้แจงปัญหาได้อย่างตรงจุด ในบทความนี้ PropertyScout ก็ได้รวบรวมสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เครื่องทำน้ำอุ่นไม่แรง พร้อมวิธีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับเครื่องทำน้ำอุ่นมาแนะนำกันครับ ปัญหาที่ทำให้เครื่องทำน้ำอุ่นไม่แรง มีอะไรบ้าง? ปัญหาที่ฝักบัว ปัญหาที่ฝักบัว อาจเป็นปัจจัยแรกที่ทำให้เครื่องทำน้ำอุ่นน้ำไม่แรงได้ ถ้าหากสิ่งสกปรก หรือตะกอนที่มากับน้ำไปอุดตันที่บริเวณต่าง ๆ ครับ อย่างเช่น สายยางฝักบัว ท่อทางเดินน้ำ และหัวฝักบัวที่มีรูจ่ายน้ำ หากมีตะกอนอุดตันก็จะทำให้น้ำไหลออกมาได้ช้า ปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับเครื่องทำน้ำอุ่นที่ใช้มานาน และการใช้ฝักบัวที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือวัสดุที่ใช้ผลิตฝักบัวไม่มีคุณภาพครับ นอกจากนั้นหัวฝักบัวรุ่นที่มีระบบกรองน้ำหลายชั้นเพื่อคัดกรองสิ่งสกปรกให้น้ำสะอาดขึ้น ก็อาจทำให้น้ำไหลไม่แรงได้ด้วยเช่นกันครับ วิธีแก้ไขปัญหา ถอดฝักบัวออกมาล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ตกค้าง หรือหากมีคราบหินปูนเกาะ ให้แช่ฝักบัวในน้ำผสมน้ำส้มสายชูประมาณ 30 นาทีแล้วขัดด้วยแปรง หรือเปลี่ยนไปใช้ฝักบัวรุ่นที่มีคุณภาพสูงขึ้นครับ…
แชร์เกร็ดความรู้ วัสดุที่เหมาะกับการทำหลังคาโรงจอดรถ มีอะไรบ้าง?
สวัสดีครับ นอกจากบ้านที่ใช้อยู่อาศัยแล้ว ‘รถยนต์’ ก็ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูง ดังนั้นผู้ใช้รถทุกคนควรหมั่นดูแลและเอาใจใส่ให้ดี เพื่อให้สามารถใช้รถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คงทน และเสื่อมสภาพช้าลงครับ ซึ่งหนึ่งในการดูแลรักษารถวิธีที่ง่ายที่สุดคือการออกแบบพื้นที่จอดรถภายในบ้านของเรานั่นเอง ในบทความนี้ PropertyScout ได้รวบรวมวัสดุที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการทำหลังคาโรงจอดมาแนะนำกันครับ หลังคาเมทัลชีท (Metal Sheet) เป็นวัสดุยอดนิยมสำหรับการทำหลังคาโรงจอดรถเลยก็ว่าได้ครับ เพราะว่าวัสดุทำหลังคาชนิดนี้มีให้เลือกได้หลากหลายราคาตั้งแต่ราคาถูกจนไปถึงราคาสูง มีทั้งเเบบทึบเเสงและโปร่งแสง ระดับความเงางามให้เลือก ทนแดดทนฝนได้ดีในระดับนึงตามราคาครับ ข้อดี ข้อเสีย หลังคาโพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate) หลังคาชนิดโพลีคาร์บอเนต เป็นหลังคาที่มีวัตถุคล้ายกับพลาสติกแต่เน้นไปทางความใสคล้ายกับแก้ว มีความสวยงาม หรูหราน่ามอง น้ำหนักที่เบา และมีหลากหลายสีให้เลือกครับ โดยลักษณะจะคล้ายกับลูกฟูก สามารถหักหรืองอได้ ทำให้มีราคาที่ค่อนข้างสูง ข้อดี ข้อเสีย หลังคาไฟเบอร์กลาส (Fibre-Reinforced Plastic FRP) หลังคาชนิดนี้เป็นหลังคาที่มีหลากหลายสีให้เลือก แต่จะเน้นไปทางแบบใส และแบบขุ่นที่มีความโปรงแสง ลักษณะของหลังคาจะเป็นทรงคลื่นเหมือนกับหลังคาเมทัลชีทแต่คลื่นจะไม่ห่างกันมาก และส่วนประกอบหลัก ๆ จะเป็นแบบหนังใยแก้วและพลาสติก ทำให้มีความแข็งแรงและความยืดหยุ่นค่อนข้างดีครับ ข้อดี ข้อเสีย หลังคาไวนิล…
ทิปส์น่ารู้! หญ้าชนิดไหนบ้างที่เหมาะกับการปลูกบนสนามบ้าน
ซื้อบ้านทั้งที หลายคนก็ต้องการซื้อบ้านที่มีพื้นที่กว้าง ไว้สำหรับทำสนามหญ้าหน้าบ้าน แต่เมื่อถึงเวลาต้องลงมือออกแบบสนามหน้าบ้านจริง ๆ กลับเกิดความสงสัยว่าจะปลูกหญ้าชนิดไหนดีถึงจะเหมาะ บางคนก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ เพราะกลัวว่าสนามหน้าบ้านหรือหลังบ้านจะออกมาไม่สวย ในบทความนี้ PropertyScout ก็จะมาแนะนำเรื่องการเลือกหญ้าชนิดที่เหมาะสมกับการปลูกบนสนามบ้าน พร้อมวิธีการปลูกและการดูแลหญ้าที่ถูกต้องครับ ทำไมถึงต้องเลือกหญ้าชนิดที่เหมาะสม? การเลือกหญ้าประเภทต่าง ๆ มาเพื่อปลูกในสนามบ้านนั้นเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเพราะว่าหญ้าแต่ละสายพันธุ์นั้นมี จุดดี และจุดด้อยที่แตกต่างกันไป ซึ่งส่งผลต่อการใช้งาน และความสวยงามที่แตกต่างกันไปอีกด้วยครับ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อหญ้า สิ่งที่เราต้องคิดเป็นอันดับแรกคือ เราต้องการสนามหญ้าหน้าบ้านและหลังบ้านไว้ทำกิจกรรมอะไรบ้าง ไม่ว่าจะสำหรับเดินเล่น จัดปาร์ตี้ หรือมีไว้เพื่อตกแต่งเพิ่มความสวยงามให้กับบ้านเฉย ๆ ก็ควรเลือกชนิดของหญ้าให้เหมาะสมครับ เดี๋ยวเราไปดูกันต่อ ว่ามีหญ้าสายพันธุ์อะไรบ้างที่นิยมปลูกในประเทศไทย และเหมาะสมกับสนามบ้าน รวมไปถึงแต่ละสายพันธุ์ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างอย่างไรบ้าง หญ้าที่เหมาะสำหรับปลูกบนสนามบ้าน มีชนิดไหนบ้าง? หญ้านวลน้อย หญ้านวลเป็นหญ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการจัดสวนหน้าบ้านในประเทศไทย เนื่องจากเป็นหญ้าสายพันธุ์ไทยแท้ ทำให้สามารถทนต่อการเหยียบย่ำได้ดี ทนต่อแสงแดด ไม่ต้องดูแลรักษามาก และมีการเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วครับ หญ้าเบอร์มิวด้า เป็นหญ้าที่นิยมใช้ปลูกกันในสนามกอล์ฟ หรือที่เรียกกันติดหูว่า ‘หญ้าแพรก’ นั่นเองครับ หญ้าเบอร์มิวด้านั้นเป็นหญ้าที่ใบละเอียด มีความนิ่ม มีความทนทานต่อการเหยียบย่ำสูง นอกจากนั้นยังทนต่อความร้อนและน้ำขัง ทำให้เรียกได้ว่าเป็นหญ้าที่สามารถอยู่ได้ในทุกสภาพแวดล้อมครับ…
สัญญาณบ่งบอกว่า ควรพิจารณารีโนเวทบ้านใหม่อีกครั้ง!
สวัสดีครับ สำหรับการรีโนเวทนั้นถือเป็นการปรับปรุงบ้านทั้งในด้านความสวยงาม ด้านโครงสร้าง หรือเป็นการปรับปรุงเพื่อให้บ้านมีฟังก์ชั่นในแบบที่เราต้องการ คำถามต่อมาก็คือเราควรพิจารณารีโนเวทบ้านกันในตอนไหนถึงจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม? มีสัญญาณอะไรบ้างที่เป็นบ่งบอกว่าควรควรพิจารณารีโนเวทบ้าน? เพราะแต่ละครั้งก็ใช้งบประมาณไม่ใช้น้อย ๆ ในบทความนี้ PropertyScout ก็ได้นำเหตุผลต่าง ๆ มาให้กับทุกคนได้นำไปฉุกคิด ซึ่งจะช่วยให้การตัดสินใจทำได้ง่ายขึ้นครับ รีโนเวทเมื่อบ้านมีการทรุดหรือเสียหายทางโครงสร้าง ความเสียหายของบ้านเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา โดยเฉพาะบ้านที่มีอายุนานหลาย 10 ปีครับ แต่ในบ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งอาจจะมาจากปัญหาด้านการก่อสร้างบางอย่างซึ่งส่งผลออกมาให้เราเห็นหลังจากที่เข้าอยู่ไปแล้ว โดยเฉพาะปัญหาด้านโครงสร้างที่ถือว่าเป็นปัญหาร้ายแรงที่ในบางครั้งความเสียหายอาจจะดูไม่มากมายนักแต่กระทบกับโครงสร้างหลักของบ้านได้ อย่างเช่น บ้านร้าว ดินทรุด เป็นต้น หากไม่ได้รับการแก้ไขสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้ครับ แต่หากไม่มั่นใจหรือยังไม่พร้อมที่จะรีโนเวทบ้าน คิดว่าไม่สามารถตรวจความเสียหายของบ้านได้ด้วยตัวเองทั้งหมด แนะนำให้จ้างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจเพื่อประเมินดูว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีความจำเป็นต้องรีบแก้ไขมากน้อยขนาดไหนครับ รีโนเวทเมื่อแปลนเดิมไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต ในยุคปัจจุบันที่เข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของคนเราก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้เสมอเมื่อเวลาผ่านไปครับ เมื่อเกิดขึ้นแล้วที่พักอาศัยที่ถูกสร้างเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบเดิมนั้นก็ไม่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบันได้อีกต่อไป อย่างเช่น หลายคนอาจจะต้องเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน หรือมีการรับผู้สูงอายุมาอยู่ในบ้านด้วยกัน ดังนั้นก็จะต้องให้ความใส่ใจในเรื่องของฟังก์ชั่นภายในบ้านมากขึ้น ดังนั้นการรีโนเวทจึงกลายเป็นทางเลือกที่ทำให้บ้านสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น อาจจะติดตั้งราวจับ ทำทางลาดสำหรับรถเข็นผู้สูงอายุ ต่อเติมห้องนั่พักผ่อนสำหรับผู้สูงอายุ หรือห้องนั่งทำงาน WFH เป็นต้นครับ รีโนเวทเมื่อต้องการเพิ่มพื้นที่ภายในบ้าน (ต่อเติม) เมื่อเข้าไปดูบ้านตัวอย่างก่อนซื้ออาจจะรู้สึกว่าบ้านดูกว้างขวาง…
4 วิธีกำจัดปัญหาเศษอาหารเหลือทิ้งในบ้าน ช่วยลดปัญหาขยะ
ในแต่ละปีมีปัญหาปริมาณขยะเศษอาหารที่เหลือทิ้งราว 1.3 พันล้านตัน ซึ่งส่วนมากมักไปลงเอยที่กองขยะ และกระตุ้นให้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงขึ้น ส่วนสาเหตุนั้นเกิดมาจากการทานอาหารไม่หมด อาหารหมดอายุก่อนรับประทาน อาหารถูกคัดทิ้งในกระบวนการผลิต ฯลฯ และในฐานะผู้บริโภคมีวิธีกำจัดเศษอาหารอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้โลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น ไปดูกันเลย 1. แยกขยะอินทรีย์ การแยกขยะเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม มักเคยชินกับการทิ้งขยะทุกอย่างลงในถุงเดียวกัน แต่รู้หรือไม่ว่าการแยกขยะนั้นถือว่ามีประโยชน์กับโลกของเรามาก ทั้งลดปริมาณขยะ ลดการสิ้นเปลืองพลังงาน ลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และยังช่วยให้เจ้าหน้าที่กำจัดขยะสามารถทำงานได้สะดวกและปลอดภัยขึ้นอีกด้วย โดยหลักๆ แล้วควรแยกขยะออกเป็น 4 แบบด้วยกัน ได้แก่ การทิ้งขยะโดยการแยกขยะแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นร้านอาหาร ร้านค้า หรือโรงงานต่างๆ เท่านั้น แต่ยังเหมาะกับนำมาใช้ในครัวเรือนทุกบ้าน 2. เปลี่ยนเศษอาหาร ไปเป็นอาหาร นำไปปลูกใหม่ เศษผักมากมายอย่าเพิ่งเททิ้ง ผักบางชนิดอาจนำไปปลูกใหม่เพื่อให้เราได้กินกันต่อไป ทำการปลูกใหม่ได้โดยใช้ส่วนที่เหลือจากการรับประทาน เช่น ต้น ใบ หรือกิ่ง ตามแต่ชนิดพืชนั้นๆ พืชที่สามารถนำมาปลูกต่อได้ ตัวอย่างเช่น โหระพา สะระแหน่ แมงลัก ผักกาดหอม…
แจกทิปส์ แต่งบ้านให้ขายออกง่าย! ใครขายบ้านยากในปี 2023 ต้องลองดู!
รู้หรือไม่ แค่แต่งบ้านสวยคนก็มองแล้ว ขายบ้าน อีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ขายอสังหา ฯ หลาย ๆ คนมักจะบอกว่ามันขายยาก เอาจริง ๆ แล้วนั้น การขายบ้านนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายโดยเฉพาะเมื่อขายกับ PropertyScout เพราะว่าลงประกาศขายได้ฟรี ไม่เสียเงิน แถมมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล แต่ระยะเวลาในการซื้อขายนั้นก็จะต่างออกไปตามปัจจัยต่าง ๆ ทั้งทำเลที่ตั้ง ความคุ้มค่า สภาพบ้าน สิ่งแวดล้อม ราคา และปัจจัยอีกอื่น ๆ อีกมากมาย จะดีกว่าไหมถ้าเราช่วยกระตุ้นการขายด้วย การแต่งบ้านให้สวยงาม และตรวจสอบสภาพบ้านก่อนขายเพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างความแตกต่างของบ้านเราให้ผู้ที่ซื้อเห็นว่า หลังนี้แหละคือหลังที่เขากำลังตามหา ดังนั้นวันนี้ เราเลยขอแนะนำไอเดีย แต่งบ้านให้ขายออก มานำเสนอให้ทุกคนได้อ่านกัน บอกเลย จดได้จด แชร์ได้แชร์! การแต่งบ้านช่วยได้จริงเหรอ? ก่อนที่จะไปดูถึงเรื่องไอเดียและทิปส์ต่าง ๆ เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนเองก็มีคำถามเรื่องที่ว่า การแต่งบ้านช่วยให้ขายบ้านออกจริง ๆ หรือเป็นแค่กุศโลบายในการซื้อขายเท่านั้น? จริง ๆ เราอยากจะบอกว่ามันช่วยได้ในเรื่องของการดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อค่ะ ยกตัวอย่างง่าย…
จะเดินทางไกลทั้งที ดูแลบ้านยังไงให้ปลอดภัยกันนะ!?
ไม่อยู่บ้านนาน ๆ ต้องระวังอะไรบ้าง? เวลาวันหยุดทั้งที เราก็ต้องอยากออกไปเที่ยวกันจริงไหม โดยเฉพาะวันหยุดยาว ๆ ที่น่าออกไปเที่ยว ไปเดินทางไกลเป็นที่สุด! ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ วันหยุดนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งวันว่างของเราก็ตาม ซึ่งการได้ออกไปเที่ยวนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้เราได้พักผ่อนกาย พักผ่อนใจ ได้พบเจออะไรใหม่ ๆ ที่จะมาเติมพลังงานของเราได้ แต่.. หลาย ๆ คนก็อาจจะมัวยุ่งกับการจัดของ จัดแพลนต่าง ๆ จนลืมดูแลบ้านก่อนเดินทางไกลไปรึเปล่า? ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ วันนี้ PropertyScout จะพาทุกคนไปเช็กทุกอย่างในบ้านให้ชัวร์ก่อนออกว่า บ้านเรานั้นปลอดภัยแล้วหรือไม่ กลับบ้านมาจะมีอะไรหายไปไหม เพราะทุกคนเองก็มีบ้านของตัวเอง แถมยังเป็นบ้านที่เราอยู่ประจำ จะทิ้งให้เกิดอันตรายก็คงไม่ดี ดังนั้นอย่ารอช้า มาดูกันเลยค่ะ! ดูอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด อันดับแรกที่ต้องดูก็คือ อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด นั่นเองค่ะว่าตัวอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านนั้นได้ถูกปิดหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสวิชซ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ สวิชซ์ปลั๊กสามตรา คอมพิวเตอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น รวมไปถึงเบรคเกอร์ ปลั๊กไฟ หรือตัวคัตเอาท์ภายในบ้านด้วยนะคะ…
‘รวมเครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟภายในบ้าน’ พร้อมวิธีช่วยประหยัดไฟ!
สวัสดีครับ ในชีวิตประจำวันที่เราเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายตัวพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ พัดลม หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่างแอร์ พัดลม ทราบกันหรือไม่ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ นั้นมีกำลังไฟฟ้าที่แตกต่างกัน ทำให้เมื่อเปิดใช้นาน ๆ ก็จะกินไฟครับ เป็นอย่างงี้แล้วคงได้เวลาตรวจเช็คเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกันซะที เดี๋ยวในบทความนี้ PropertyScout จะพาทุกคนไปดูว่ามีเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรบ้างที่กินไฟ โดยเรียงลำดับจากกินไฟน้อยไปหามาก พร้อมกับวิธีการต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ประหยัดไฟมากยิ่งขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟมีอะไรบ้าง? (กินไฟน้อยไปหามาก) ตู้เย็น ตู้เย็นโดยส่วนมากจะกินไฟอยู่ 70 – 145 วัตต์ หากใครไม่ใช้ตู้เย็นเบอร์ห้าก็จะทำให้ค่าไฟพุ่งสูงมากกว่าเดิมครับ เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ต้องทำความเย็นตลอด เพื่อรักษาอากาศในตู้ให้มีอุณภูมิเย็นแบบคงที่เพื่อไม่ให้อาหารเสียและบูดเร็วนั่นเองครับ ทีวี ทีวีกับตู้เย็นกินไฟไม่ต่างกันมากครับ แต่หากว่าเราเปิดไว้ทั้งวันทั้งคืน หรือเปิดตลอดเวลาก็สามารถทำให้ค่าไฟวิ่งตลอดได้เช่นกัน ซึ่งทีวีส่วนมากจะกินไฟอยู่ที่ประมาณ 80 – 180 วัตต์ครับ ไมโครเวฟ สำหรับอัตราการใช้กำลังไฟของไมโครเวฟนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของไมโครเวฟที่วัดเป็นคิว แต่โดยส่วนมากจะกินไฟตั้งแต่ 100 – 1,000 วัตต์ครับ โดยทั้งโหมดละลายน้ำแข็งและโหมดอุ่นอาหารให้ร้อนก็ใช้ไฟพอ…
ข้อควรรู้ก่อน ‘ปลูกต้นไม้ใหญ่’ ภายในบ้าน
สวัสดีครับ กำลังเข้าหน้าร้อนกันแล้ว ในบทความนี้ PropertyScout ก็อยากจะแนะนำวิธีคลายร้อนให้ทุกคนสักหน่อยนะครับ สำหรับการซื้อพัดลม หรือติดแอร์นั้นถือว่าเป็นวิธีที่ให้ความเย็นกับได้แบบชั่วคราว หรือในบางครั้งเราอาจจะไปเดินเที่ยวตามห้างสรรพสินค้า เลือกชมสินค้าไปตากแอร์ไปด้วยแบบสบาย ๆ ทีนี้จะดีกว่าไหมที่เราสามารถทำให้บ้านของเรารู้สึกเย็นได้ตลอดเวลาด้วยวิธีการแบบธรรมชาติ ช่วยประหยัดการใช้พลังงาน อย่างเช่นการ ‘ปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่’ ไว้ภายในบ้าน ซึ่งก็จะทำให้ได้ร่มเงาจากกิ่งก้านใบของต้นไม้ ช่วยบังแดดบังฝน และในแง่ของบรรยากาศก็จะได้สีเขียวของธรรมชาติ ที่ช่วยให้รู้สึกสบายตาอีกด้วย เดี๋ยวเราไปดูพร้อม ๆ กันว่า ก่อนปลูกต้นไมใหญ่ในพื้นที่บ้านนั้น มีอะไรที่ควรรู้บ้าง? ต้องระมัดระวังเรื่องอะไรบ้าง? และ กระบวนการปลูกจะต้องทำอย่างไรบ้าง? ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจปลูกต้นไม้ใหญ่ในบ้าน มีอะไรบ้าง? เลือกพันธุ์ไม้ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ นอกจากความชอบส่วนตัวแล้ว ก่อนปลูกก็ควรเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทยครับ ซึ่งก็คือคุณสมบัติเรื่องความทนแดด ทนฝน หากเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมก็จะทำให้ต้นไม้มีความแข็งแรง อายุยืน อยู่ให้ความร่มรื่น และความเย็นสบายไปอีกนานแสนนาน หากใครที่ต้องการเพิ่มร่มเงาภายในบริเวณบ้าน แนะนำให้เลือกต้นไม้พันธุ์ที่มียอดแผ่กว้างครับ ตัวอย่างต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทย เลือกทิศที่จะปลูกให้เหมาะสม การปลูกต้นไม้ในตำแหน่งและทิศทางที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยครับ โดยต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกในบ้านควรตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก เพื่อให้ช่วยบังแสงแดดช่วงบ่ายไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้านของเรา…