In Short
Advice
สวัสดีครับ ในบทความนี้ PropertyScout อยากจะขอชวนทุกคนมาพูดกันถึงเรื่อง ‘การเลี้ยงสัตว์ในคอนโด’ ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทเดเวลอปเปอร์หลายเจ้าก็ได้ออกแบบโครงการใหม่หลายที่ให้มีแนวคิดแบบ Pet-Friendly เพื่อตอบโจทย์เทรนด์การเลี้ยงสัตว์ที่นิยมกันมากขึ้น โดยในบริเวณพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดเหล่านี้ก็จะมีโซนสำหรับสัตว์เลี้ยง สามารถพาน้องหมาน้องแมวไปเดินเล่น ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเลี้ยงสัตว์ในห้องคอนโดของตัวเองนั้น ก็ควรจะต้องพิจารณาให้ดีซะก่อน เพราะว่าอาจจะก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งกลิ่นเหม็น ส่งเสียงดังรบกวน หรือทำของพังเสียหาย และปัญหาอีกหลาย ๆ อย่าง ทำให้กลายเป็นปัญหาวุ่นวายระหว่างผู้พักอาศัยบนคอนโด ดังนั้นในบทความนี้ PropertyScout จะพาทุกคนไปดูกันว่าสิ่งที่ควรรู้ก่อนเลี้ยงสัตว์ในคอนโด เพื่อให้อยู่ร่วมกับน้อง ๆ ได้อย่างสบายใจ มีอะไรที่เราควรทำบ้าง

1.ศึกษากฎระเบียบการเลี้ยงสัตว์ในคอนโด

ก่อนตัดสินใจเลี้ยงสัตว์ในคอนโด สิ่งแรกที่ควรทำคือ ศึกษากฎระเบียบเรื่องการเลี้ยงสัตว์ของคอนโดให้ละเอียดก่อน โดยคอนโดส่วนใหญ่ก็จะไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ แต่สำหรับคอนโดที่มีแนวคิดแบบ Pet-Friendly ก็จะมีเงื่อนไขต่าง ๆ ในการเลี้ยงสัตว์ที่ผู้อยู่อาศัยทุกคนต้องศึกษาให้ครบถ้วน
ตัวอย่างกฎระเบียบ / เงื่อนไขในการเลี้ยงสัตว์
- การเลี้ยงสัตว์ ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนและความน่ารำคาญแก่ผู้อยู่อาศัยคนอื่นในโครงการ
- สัตว์เลี้ยงต้องมีใบรับรองการตรวจโรคจากโรงพยาบาลสัตว์ ที่ได้มาตรฐานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- ต้องนำสัตว์เลี้ยงไปตรวจสุขภาพประจำปี
- ผู้อยู่อาศัยที่เลี้ยงสัตว์ จะต้องจ่ายค่าส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยง รายเดือน/รายปี (ค่าใช้จ่ายจะถูกนำไปรวมเป็นเงินกองทุนสำหรับทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยง)
- สัตว์เลี้ยงต้องได้รับการฉีดวัคซีนพื้นฐานแล้ว
- สัตว์เลี้ยงต้องน้ำหนักตัวไม่เกิน 15 กิโลกรัม
- ห้ามเลี้ยงสัตว์อันตรายชนิดต่าง ๆ สัตว์มีพิษ สัตว์ดุร้าย สัตว์ปีก สัตว์ป่าสงวน
สำหรับกฎระเบียบในการเลี้ยงสัตว์ แต่ละคอนโด Pet-Friendly ก็จะมีรายละเอียดของกฎระเบียบ / เงื่อนไข ที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำความเข้าใจให้ครบถ้วน เพื่อที่จะไม่ทำผิดกฎและต้องมาเสียค่าปรับทีหลัง
2.บทลงโทษ และการดำเนินการของนิติบุคคล

ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงของเราหลุดจากการดูแล และก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็จะต้องรีบแก้ไขปัญหา หากเราเพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ทางนิติบุคคลของคอนโดก็จะต้องดำเนินตามกฎระเบียบต่อไป
ปกติเมื่อเกิดปัญหาจากสัตว์เลี้ยง นิติบุคคลจะแจ้งเตือนตามลำดับ เริ่มตั้งแต่การแจ้งด้วยการบอกกล่าวทางวาจา การทำจดหมายแจ้งเตือน หากเราที่เป็นผู้พักอาศัยยังไม่แก้ไขปัญหาที่เกิดจากสัตว์เลี้ยงของเรา ทางนิติบุคคลก็จะเรียกเก็บค่าปรับ โดยอาจจะมาในรูปแบบดังนี้
- เสียค่าปรับแบบอัตรารายวัน การเสียค่าปรับในรูปแบบนี้ โดยส่วนใหญ่จะมาจากกรณีหลีกเลี่ยงการลงทะเบียน ต่อทะเบียน หรือแอบเลี้ยงสัตว์ต้องห้าม / สัตว์อันตรายทุกชนิด
- เสียค่าปรับเป็นครั้ง ๆ การเสียค่าปรับในรูปแบบนี้ โดยส่วนใหญ่จะมาจากกรณีที่สัตว์เลี้ยงสร้างความสกปรก ก่อความเดือดร้อน หรือ ทำให้ผู้พักอาศัย หรือสัตว์เลี้ยงของผู้พักอาศัยคนอื่นได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเราก็จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายในส่วนของค่ารักษาพยาบาล ค่าเยียวยา ค่าชดเชยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง
- การฝ่าฝืนหรือทำผิดซ้ำจนบ่อยครั้ง นิติบุคคลมีสิทธิไม่อนุญาตให้เจ้าของนำสัตว์มาเลี้ยงในโครงการอีก
*แต่ละโครงการมีนโยบายเรียกเก็บค่าปรับไม่เท่ากัน |
3.ข้อควรรู้เรื่อง 'กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของสัตว์เลี้ยง'

สิ่งที่ทุกคนควรรู้เกี่ยวกับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของสัตว์เลี้ยง สามารถแบ่งออกเป็นสองอย่างก็คือ
วิธีการจัดการกับกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของสัตว์เลี้ยง
- เช่น การใช้ทรายเก็บกลิ่น น้ำยาทำความสะอาด น้ำยากำจัดกลิ่น ใช้สเปรย์กำจัดกลิ่น เป็นต้น
วิธีการจัดการกับสิ่งปฏิกูล
- อย่าง ปัสสาวะ อุจจะระ ของสัตว์เลี้ยง เราควรศึกษาให้ดี โดยสามารถสอบถามกับทางนิติบุคคลว่าเราควรนำไปทิ้งในจุดไหน ที่จะไม่ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพื่อไม่ให้เป็นการเดือดร้อนผู้พักอาศัยคนอื่น ซึ่งเจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคนต้องดูแลจัดเก็บสิ่งปฏิกูลให้เรียบร้อย และอย่าลืมเช็ดบริเวณพื้นด้วยน้ำยาทำความสะอาดด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของระเบียงห้องคอนโด หรือในโซนส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อสุขอนามัยที่ดีของทุกคนในโครงการ
4.ฝึกสัตว์เลี้ยงไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น

ปัญหาเรื่องสัตว์เลี้ยงส่งเสียงดัง เรียกได้ว่าเป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ของการเลี้ยงสัตว์ในคอนโด หากเป็นสัตว์เลี้ยงอย่าง ปลา งู หนู เฟอเรท ที่ไม่ส่งเสียง หรือส่งเสียงดังเพียงเล็กน้อย ก็ถือว่าไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่โตอะไร แต่ในกรณีของสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขหรือแมวส่งเสียงดัง อาจจะนำไปสู่ปัญหาระหว่างห้องข้าง ๆ ได้
ดังนั้นเจ้าของจะต้องให้ความใส่ใจ สำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขทำได้โดยการไม่ให้ความสนใจเวลาน้องเห่า ซึ่งจะเป็นการฝึกให้รู้ว่าไม่ควรเห่าเสียงดัง ทำได้โดยการไม่ให้ความสนใจเวลาน้องเห่า หรือฝึกให้ชินกับสิ่งเร้าต่าง ๆ และสำหรับคนที่เลี้ยงแมว สามารถพาไปทำหมันเพื่อไม่ให้น้องส่งเสียงร้องจากอาการ ‘ติดสัด’ ที่จะเกิดขึ้นในทุก ๆ 3-4 อาทิตย์
การฝึกสัตว์เลี้ยงต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากไม่ฝึกอย่างสม่ำเสมอ น้อง ๆ อาจจะลืมสิ่งที่เรียนรู้จากเราไปได้
5.ฝึกไม่ให้ทำเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของอื่น ๆ เสียหาย

หากว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ในอยู่ในห้องของเราเอง ก็คงจะไม่เป็นไรมากนัก แต่ถ้าเกิดว่าสัตว์เลี้ยงของเราไปสร้างความเสียหายกับเฟอร์นิเจอร์ ข้างของต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของคอนโด ก็จะตามมาด้วยค่าเสียหายสูงลิบลับ
สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหานี้ สามารถทำได้โดยการฝึกฝนสัตว์เลี้ยง หากเป็นสุนัขสามารถฝึกโดยการตักเตือน พาไปออกกำลังกายแก้เครียด หรือหาของเล่นมาให้กัดแทะ ส่วนใครที่เลี้ยงแมว ก็ขอแนะนำให้ซื้อของเล่นสำหรับฝนเล็บมาไว้ให้น้องลับเล็บกันแบบเพลิน ๆ เพื่อที่จะไม่ไปขีดข่วนสิ่งของอย่างอื่น
6.อย่าลืมใช้สายจูง

ถึงแม้ว่าคอนโดหลายโครงการที่เป็นแบบ Pet-Friendly จะมีโซนสัตว์เลี้ยงในส่วนกลางให้พาน้องหมาน้องแมวไปวิ่งเล่นได้ สิ่งที่เจ้าของทุกคนห้ามลืมก็คือ ‘การสายจูง’ เพราะว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยฝึกน้อง ๆ ไม่ให้ทำทุกอย่างตามใจ และยังช่วยในเรื่องความปลอดภัยทั้งกับตัวน้องและเพื่อนสัตว์เลี้ยวตัวอื่น ๆ อีกด้วย
ในปัจจุบัน แทบทุกคอนโด Pet-Friendly ก็มีกฎระเบียบให้เจ้าของทุกคนใช้สายจูงเมื่อพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่น ดังนั้นก็อย่าลืมเตรียมสายจูงให้กับน้อง ๆ ด้วย
7.เลี้ยงสัตว์บนคอนโด ต้องจัดพื้นที่ระเบียงให้ปลอดภัย

หลายคนที่เลี้ยงสัตว์อยู่คอนโดพลาดมานักต่อนัก การมีประตูก่อนออกไปยังระเบียงไม่ได้เป็นสิ่งที่การันตีว่าสัตว์เลี้ยงของเราจะอยู่ในห้องคอนโดตลอดเวลา ในบางครั้งหากเราลืมเปิดประตูทิ้งไว้ น้อง ๆ ก็อาจจะหลุดรอดออกมาและกระโดดออกไปนอกระเบียงได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุการสูญเสียสัตว์เลี้ยง ควรจัดพื้นที่ระเบียงให้ปลอดภัย อาจจะทำโดยการติดตั้งตะแกรงเหล็ก ตาข่าย หรือระแนงไม้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรา
8.การเลี้ยงสัตว์ ต้องเอาใจใส่ รับผิดชอบ และรอบคอบ

สำหรับข้อสุดท้าย ทาง PropertyScout ก็อยากจะบอกว่า การเลี้ยงสัตว์ล้วนต้องอาศัยความเอาใจใส่และมีเวลาในการดูแลทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการพาไปเดิน การให้อาหาร อาบน้ำ ทำความสะอาด ตลอดจนพาไปรักษาพยาบาล และทั้งหมดนี้ก็เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย ดังนั้นหากเราไม่สามารถแบ่งเวลาให้กับสัตว์เลี้ยงได้ ก็ยังไม่ควรเลี้ยงโดยเด็ดขาด และสำหรับคนที่มีความพร้อมในการเลี้ยงสัตว์ก็อย่าลืมเลี้ยงดูน้อง ๆ ด้วยความรอบคอบนะครับ อย่างเช่น การวางปลั๊กไฟบนพื้น หรือการปิดประตู-หน้าต่างให้ดีเวลาไม่อยู่คอนโด
อ่านบทความ Pet Friendly Guide! ย่านเอกมัยและทองหล่อ คลิกเลย
บทสรุปส่งท้าย
การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งที่ต้องเอาใจใส่เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเหมือนกับการมีลูกคนนึง ซึ่ง เจ้าของก็จะต้องเตรียมทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายไว้ให้พร้อม หากเราดูแลน้อง ๆ ไม่ดีก็จะเกิดความเดือดร้อนต่อตัวเราและผู้อื่น ดังนั้นใครที่ต้องการเลี้ยงสัตว์ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อน และไม่ควรรีบด่วนตัดสินใจรับน้อง ๆ มาเลี้ยง
สำหรับการเลี้ยงสัตว์บนคอนโด ก็สามารถนำข้อมูลที่ PropertyScout ได้แนะนำไปในบทความนี้ ไปลองปรับใช้กัน แล้วก็อย่าลืมศึกษากฎระเบียบการเลี้ยงสัตว์ในแต่ละคอนโดให้ดีนะครับ ถ้าเกิดว่าเราเลี้ยงสัตว์ด้วยความรัก เอาใจใส่ รับผิดชอบ และฝึกฝนสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างดี เพียงแค่นี้สังคมทาสหมาทาสแมว ชาว Pet Lover ก็จะดูน่าอยู่อย่างแน่นอน
สนใจ เช่า ซื้อ คอนโด Pet-Friendly กับ PropertyScout คลิกตามด้านล่าง
สนใจหาอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ติดต่อ PropertyScout
หรือคลิกตามด้านล่างได้เลย
FAQs
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Suspendisse varius enim in eros elementum tristique.
Explore More Topics
Free real estate resources and tips on how to capitalise