‘ที่จอดรถอัตโนมัติ – Automatic Parking System’ คืออะไร มีประโยชน์สำหรับคนอยู่คอนโดไหม!?

ชวนรู้จักพร้อมรวมข้อดีข้อเสีย

สวัสดีค่า วันนี้ PropertyScout จะพาคุณมารู้จักกับอีกหนึ่งสิ่งยอดฮิตที่หลาย ๆ คอนโดต่างพร้อมใจกันโปรโมทอย่าง ที่จอดรถอัตโนมัติ หรือ Automatic Parking System นั่นเองค่ะ ซึ่งในบทความนี้จะพาคุณมาเจาะลึก ไขข้อข้องใจ รวมถึงเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียระบบ Auto parking คืออะไร? สามารถทำอะไรได้บ้าง? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร? รวมถึงเราจะมาแนะนำโครงการที่มีที่จอดรถแบบนี้ให้ด้วยค่ะ จะมีอะไรบ้าง อย่ารอช้า มาอ่านกันเลย!

Automatic Parking คืออะไร

Automatic Parking หรือที่จอดรถอัตโนมัติ เป็นอีกหนึ่งประเภทที่จอดรถที่เริ่มได้รับความนิยมในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของคอนโดมิเนียมหรู ๆ หรือคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองนั่นเองค่ะ ซึ่งที่จอดรถแบบนี้เริ่มได้รับความสนใจจากลูกบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากที่จอดแบบนี้ดูสะดวก อีกทั้งในมุมมองของโครงการนั้น ที่จอดรถประเภทนี้ยังสามารถเพิ่มความพรีเมียมและความน่าเชื่อให้โครงการได้นั่นเอง

ซึ่ง หากพูดถึงหรือเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน ที่จอดรถในคอนโดมิเนียมนั้นจะมีพื้นที่จอดรถอยู่ในอาคาร ชั้นใต้ดิน และกระจายอยู่รอบ ๆ โครงการค่ะ การที่เขานำที่จอดรถแบบออโต้เข้ามานั้น จะเป็นการที่ผู้พัฒนาได้นำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารพื้นที่ในการจอดรถ ทำให้พื้นที่คับแคบประมาณ 1 ไร่ขึ้นไปนั้นสามารถจอดรถได้มากขึ้น ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและรองรับความต้องการของลูกบ้านได้นั่นเองค่ะ

ที่จอดรถอัตโนมัติที่เราจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันนั้นจะมีทั้งหมด 4 แบบค่ะ (อาจจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามการพัฒนา แต่ที่เรายกมาในวันนี้จะเป็นแบบฮิตที่เรามักจะเจอนั่นเองค่ะ)

4 ประเภทของที่จอดรถ

• Tower Parking - ระบบจอดรถที่จะเน้นให้คุณจอดรถแบบแนวตั้ง ส่วนใหญ่มักจะนิมยมใช้ในคอนโดมิเนียม เนื่องจากโครงการเหล่านี้มักจะมีพื้นที่ที่น้อย สามารถจอดได้อยู่ที่ราว ๆ 2-4 คันโดยประมาณ ส่วนใหญ่มักจะทำเป็นหอสูง เคลื่อนที่ในแนวดิ่ง (ขึ้นและลง)

• Multi Floor Parking - ที่จอดรถแบบนี้จะเหมาะกับพื้นที่โครงการที่ค่อนข้างกว้าง เน้นการจอดในแนวราบ ทำให้จอดรถได้หลายคัน จะทำงานโดยใช้ลิฟต์ยกแต่ละชั้นตามแนวดิ่ง และมีคาร์ทเพื่อเคลื่อนที่ในแนวราบ

• Rotary Parking - อีกหนึ่งที่จอดรถที่เหมาะกับพื้นที่น้อย ๆ ส่วนใหญ่นั้นจะทำให้เป็นลักษณะแบบวนแนวดิ่ง มีกระเช้าสูง สามารถจอดรถได้ 16 คันต่อหนึ่งชั้นค่ะ

• Circulation Parking - หรือแบบ Cabinet Type เหมาะกับโครงการที่มีพื้นที่น้อย แคบ และยาว โดยที่ระบบจะเน้นเคลื่อนที่หมุนวนในแนวราบ จอดรถได้อยู่ที่ 10-30 คันต่อชุดค่ะ

ทำไมต้องมี

ที่จอดรถออโต้แบบนี้ นอกจากจะช่วยเรื่องของคอนโดที่ไม่มีพื้นที่มีในโครงการมากให้มีพื้นที่ที่มากขึ้นแล้ว ที่จอดรถออโต้นั้น ยังช่วยเพิ่มมูลค่าของคอนโดได้ด้วย เพราะหลาย ๆ โครงการนั้นมักจะมีการทำที่จอดรถแบบนี้เพื่อทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกถึงความทันสมัย ความปลอดภัย เหมาะกับรถในเมือง โดยเฉพาะรถหรูหรือรถสปอร์ต อีกทั้งยังทำให้พื้นที่โครงการดูกว้างขึ้นด้วยค่ะ

ส่วนใหญ่นั้นจะชอบมีในคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise มากกว่า High Rise นะคะ เพราะว่าโครงการแบบนี้จะมีอาคารที่สูงเพียงแค่ 7-8 ชั้นเท่านั้น ที่โดยปกติจะเน้นพื้นที่จอดอยู่รอบ ๆ อาคาร อีกทั้งพื้นที่บางโครงการเองก็ไม่ได้เยอะหรือเหมาะที่จะทำที่จอดรถแยกออกไปเป็นอาคารหรือชั้นใต้ดิน เพื่อให้ภายในโครงการนั้นเป็นพื้นที่ที่พักอาศัยอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ การมีที่จอดรถแบบนี้เข้ามาจึงช่วยเรื่องของพื้นที่การจอดรถมากขึ้น

แต่ในบางโครงการ การที่มีที่จอดรถแบบนี้ ก็อาจจะทำมาเพื่อความปลอดภัยของรถลูกบ้าน โดยเฉพาะรถหรูที่มีราคาแพง และต้องการการดูแลเป็นอย่างดีค่ะ หากเป็นประเด็นนี้ ที่จอดเหล่านี้ก็จะมีในโครงการ High Rise ในเมืองควบคู่ไปกับที่จอดรถแบบปกติตามอาคารนั่นเองค่ะ

Automatic Parking ทำงานอย่างไร

ที่จอดรถแบบออโต้นั้นจะเน้นการทำงานแบบระบบอัตโนมัติ โดยที่แต่ละที่จะทำงานต่างกันออกไปตามประเภทที่ติดตั้ง ประเภทอสังหา ฯ โดยเฉพาะกับคอนโดมิเนียม ที่จะต้องมีคีย์การ์ดไปในการนำรถออกมา ต่างกับโรงพยาบาลหรือที่จอดตามสำนักงานที่จะมีคนควบคุมให้นะคะ (ทั้งนี่้ ระบบในการจอดจะขึ้นอยู่กับแต่ละที่มากกว่าค่ะ ดังนั้นเราแนะนำให้ศึกษาก่อนนะคะ)

วิธีการนำรถเข้า-ออกสู่ที่จอดแบบออโต้

• แตะคีย์การ์ดเพื่อนำรถเข้าไปจอดในที่จอดรถ
  • บางโครงการอาจจะไม่ต้องแตะ แต่บางโครงการก็จะให้แตะเพื่อความปลอดภัยและเช็กด้วยว่าลูกบ้านนั้นเอารถเข้ามาจอดแล้วใช่หรือไม่ค่ะ ซึ่งคีย์การ์ดนี้จะบันทึกว่ารถคันนี้เป็นของห้องไหน ทะเบียนอะไร และจอดตรงไหนนั่นเองค่ะ
    
    ขั้นตอนนี้อย่าลืมลงจากรถด้วยนะคะ

• ระบบจะนำรถเข้าไปจอดให้
  • ในขั้นตอนนี้ เมื่อแตะคีย์การ์ดเสร็จ ประตูที่จอดรถจะถูกปิด จากนั้นระบบจะนำรถเข้าไปจอดในที่จอดรถที่ยังว่างค่ะ โดยแต่ละช่องนั้นจะมีเซนเซอร์อยู่ เพื่อจะได้แสดงว่าที่จอดตรงไหนเต็มหรือไม่เต็ม เมื่อจอดเรียบร้อยแล้วระบบจะทำการแสดงว่าจอดเรียบร้อยแล้วนั่นเอง

• แตะการ์ดเพื่อนำรถออก
  • หากคุณต้องการนำรถออก ก็แค่นำคีย์การ์ดของคุณมาแตะที่โรงจอดรถ รอประมาณ 3-5 นาที ระบบก็จะนำรถออกมาให้นั่นเองค่ะ เมื่อระบบนำรถมาให้แล้วเราก็เข้าไปขับได้ตามปกติเลย ตัวที่จอดรถจะปิดประตูให้อัตโนมัติค่ะ

*สิ่งสำคัญที่ห้ามลืม!

• เช็กรถให้ดีก่อนออก
  • แนะนำให้เช็กทั้งด้านในและด้านนอกนะคะ ส่วนแรกคือด้านใน เราต้องดูว่าเรานำของออกมาหมดแล้วรึยัง มีอะไรที่สามารถไว้ในรถโดยไม่เป็นอันตรายได้ไหม ส่วนที่สองคือนอกรถ ต้องดูกระจกข้างว่าพับแล้วรึยัง เมื่อเช็กครบแล้ว ก็กดหรือแตะการ์ดให้ระบบทำงานได้เลยค่ะ
    
    ขั้นตอนนี้ทำเพื่อป้องกันไม่ให้กระจกข้างไปขูดกับตัวโครงสร้างด้านในนั่นเองค่ะ

ข้อดีข้อเสีย

ส่วนต่อมา เราจะพาคุณมาพูดถึงข้อดี-ข้อเสียของที่จอดรถแบบ Automatic Parking System นะคะ ซึ่งที่จอดแบบนี้ก็มีข้อดีมากมาย ทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าทุก ๆ สิ่งบนโลกนีัย่อมมีข้อเสีย ใช่ค่ะ ที่จอดรถแบบนี้เองก็มีข้อเสียที่อาจจะส่งผลกระทบบ้างนั่นเองนะคะ

ข้อดี

• เพิ่มพื้นที่ในโครงการ

อย่างแรกเลยก็คือ ที่จอดรถแบบนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณ พื้นที่ และจำนวนที่จอดรถได้ค่ะ เนื่องด้วยไม่จำเป็นต้องก่อสร้างตึกใหม่ อีกทั้งยังประหยัดพื้นที่ได้ด้วยการทำที่จอดรถเป็นแนวดิ่งแทนแนวราบ รวมถึงลดพื้นที่ที่เหลือระหว่างคันลงด้วยนะคะ ทำให้ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า อีกทั้งเวลาที่เราจะสร้างคอนโดต่าง ๆ เราเองก็ต้องมีกฏหมายกำหนดอัตราส่วนของที่จอดรถกับพื้นที่คอนโดมิเนียมนั่นเองค่ะ

• สะดวกสบาย ประหยัดเวลา

ที่จอดรถแบบนี้จะช่วยประหยัดเวลาในการวนหาที่จอด รวมไปถึงเรื่องของการถอยเข้า-ออก อีกทั้งยังให้ความสะดวกสบายกับลูกบ้านที่นำรถมาจอดด้วยนะคะ หากเปรียบเทียบกันง่าย ๆ ที่จอดรถแบบปกติถ้าวนรถและจอด อาจจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 5-15 นาทีเป็นขั้นต่ำ ต่างจากที่จอดรถแบบนี้ที่ใช้เวลาเพียง 3-5 นาทีเท่านั้น

• เพิ่มความปลอดภัยในโครงการ

ระบบ Auto Parking จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวรถและเจ้าของรถเป็นอย่างมากเลยค่ะ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องของการที่รถอาจจะกระทบกระทั่งกันเวลาถอย ทำให้มีรอยขูด ขีด ไปจนถึงเรื่องของการจอดรถซ้อนคัน ที่บางครั้งคันที่จอดหน้าเราอาจจะมีการล็อคล้อทำให้เราเอารถออกไม่ได้ค่ะ เนื่องจากตัวเทคโนโลยีนี้จะมีระบบล็อครถเข้ากับช่องจอดได้อย่างพอดีเลยค่ะ

• เพิ่มพื้นที่ใช้สอยในโครงการ

เนื่องด้วยที่จอดรถแบบนี้จะทำให้พื้นที่ที่ต้องกลายเป็นส่วนของที่จอดรถนั้น กลายเป็นพื้นที่ใช้สอยอื่น ๆ ของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นยูนิตร้านค้า พื้นที่ส่วนกลางของลูกบ้าน ไปจนถึงกลายเป็นสวนหย่อมและพื้นที่สีเขียวของโครงการนั่นเองค่ะ

ข้อเสีย

• ไม่เหมาะกับรถบางรุ่น

แม้ที่จอดรถแบบนี้จะสร้างความสะดวกสบายให้มากแค่ไหน แต่เราก็ต้องยอมรับว่าที่จอดรถแบบนี้อาจจะไม่ได้ใช้ได้กับรถทุกประเภทค่ะ เช่นบางที่อาจจะไม่เหมาะกับรถสูง บางที่อาจจะไม่เหมาะกับรถที่มีขนาดใหญ่กว่าที่จอดรถ รวมถึงอาจจะมีเสียงดังกึงกังเวลานำรถเข้าไปจอดด้วย

• ลืมของไว้ในรถ

อีกหนึ่งปัญหาที่คนขับรถมักจะเจอบ่อย ๆ นั่นก็คือการลืมของไว้ในรถ ดังนั้น นี่จึงเป็นอีกหนึ่งข้อเสียสำหรับที่จอดแบบนี้ เพราะว่าปกติแล้ว หากเราลืมของ เราก็แค่เดินหารถเรา เปิดกุญแจแล้วหยิบของ แต่ถ้าเป็นที่จอดรถแบบออโต้นั้น เราจะต้องเสียเวลาแตะคีย์การ์ดเพื่อนำรถออกมานั่นเองค่ะ

• ไม่เหมาะกับเวลาเร่งด่วน

ที่จอดรถแบบนี้จะไม่เหมาะมาก ๆ กับการที่ต้องนำรถออกมาในเวลาที่เร่งด่วน เนื่องด้วยสาเหตุที่ว่าในแต่ละครั้ง จะสามารถนำรถออกมาจากที่จอดได้เพียง 1-2 คันเท่านั้น แถมยังใช้เวลาอยุ่ที่ประมาณ 5 นาทีต่อหนึ่งคัน ดังนั้น เวลาที่เรามีธุระด่วนอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่นัก

• ระบบขัดข้อง

ในบางกรณี หากระบบเกิดเสียขึ้นมา เราก็อาจจะไม่มีรถในการโดยสารไปสักพักเลยค่ะ เพราะเราไม่สามารถเข้าไปเอารถได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งภายในนั้นยังไม่มีถนนให้นำรถออกมาได้ด้วยค่ะ ดังนั้นหากระบบเกิดเสียขึ้นมา สิ่งเดียวที่เราทำได้ก็คือรอนะคะ

เปรียบเทียบ

พูดถึงข้อดีข้อเสียไปแล้ว เรามาลองเปรียบเทียบดูกันดีกว่าค่ะว่า ที่จอดรถแต่ละแบบนั้นมีข้อดีข้อเสียอย่างไร โดยเฉพาะที่จอดรถแบบออโต้และที่จอดแบบธรรมดานั่นเองค่ะ

โครงการที่มีที่จอดรถอัตโนมัติ

Chalermnit Art De Maison

Chalermnit Art De Maison โครงการคอนโดมิเนียม Low-Rise ระดับ Super Luxury สไตล์ญี่ปุ่นที่ออกแบบมาอย่างประณีต ละเมียดละไม บริหารพื้นที่โครงการได้ดี อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความเงียบสงบบทำเลสุดปังอย่างนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจาก อารียา (Areeya) ผู้พัฒนาอสังหา ฯ ในไทยอีกหนึ่งเจ้าที่มีอสังหา ฯ ในมือมากมายเลยค่ะ

คอนเซปต์ในการออกแบบของที่นี่นั้นจะเน้นไปที่ ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความหรูหราและความเป็นญี่ปุ่นสมัยใหม่ ท้าทายทุกข้อจำกัด ด้วยปรัชญาการออกแบบที่มุ่งมั่นเพื่อความสมดุลระหว่างสุนทรียะอันลุ่มลึกแบบญี่ปุ่น และเทคโนโลยีที่ซับซ้อนของตะวันตก อีกทั้ง นำเสนอมุมมองใหม่ที่ไม่อาจคาดเดา ก่อเกิดเป็นมิติและทิศทางที่ไม่เหมือนใครให้กับความ “โก้หรู” เพื่อตอบสนองทุกจังหวะชีวิตที่งดงามของคุณ

ตัวโครงการนั้นเป็นคอนโดมิเนียม Low-Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร บนพื้นที่กว่า 1-0-1 ไร่ โดยจะแบ่งเป็นอาคารที่พักอาศัยล้วน และอาคารยูนิตกึ่ง Facilities นะคะ โดยที่โครงการจะมียูนิตที่พักอาศัยเพียง 122 ยูนิตเท่านั้น

ที่จอดรถของโครงการนี้จะเป็น Automatic Parking ทั้งหมดนะคะ อีกทั้งยังมีที่จอดรถแบบ Super Car แยกให้ด้วย และด้วยการทำแบบนี้ ทำให้สามารถรวมจำนวนที่จอดรถได้อยู่ถึง 100% เลยค่ะ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : รีวิว Chalermnit Art De Maison

สนใจ เช่า/ซื้อ โครงการคอนโด Low Rise ย่านทองหล่ออย่าง Chalermnit Art De Maison
คลิกเลย!

Celes Asoke

โครงการ Celes Asoke (เซเลส อโศก) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมจากผู้พัฒนาอย่าง Lucky Living ที่ส่วนใหญ่นั้นจะเน้นทำโครงการเป็น Low Rise เสียส่วนมาก เรียกได้ว่าเป็นการขยับจาก Low Rise ขึ้นมาเป็น High Rise สุดพรีเมียมแบบก้าวกระโดด โดยการดีไซน์นั้นจะใช้สถาปนิกชื่อดังของไทยมาออกแบบให้ตัวโครงการ

ตัวโครงการออกแบบมาในคอนเซปต์ Timeless Design หรือ หรูหราเหนือกาลเวลา ที่ตัวโครงการนี้จะเน้นไปที่ความหรูหรา ดีไซน์ล้ำ ตกแต่งแบบหรูหรามีระดับ พร้อมด้วยฟังก์ชันพิเศษ ระบบการใช้งานแบบอัจฉริยะ ดื่มด่ำไปกับ Facilities ชั้นนำขนาดใหญ่

โครงการนี้เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สุดหรูหราและ Luxuy สูง 40 ชั้น 1 อาคาร บนทำเลศักยภาพใจกลางอโศกกว่า 1-1-20 ไร่ และด้วยความที่เป็นคอนโด High Rise ที่

โครงการนี้มีที่จอดแบบ Automatic Parking อยู่ 2 ส่วน ได้แก่ชั้นใต้ดิน B1 และ B2 และชั้นบนอาคารอย่างชั้น 2-8 รวมทั้งหมด 10 ชั้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นโครงการที่มีที่จอดรถเยอะมาก ๆ ทำให้ที่โครงการนี้จะสามารถนำรถมาจอดได้อยู่ที่ประมาณ 82% หรือ 177 คัน

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : รีวิว Celes Asoke

สนใจเช่า ซื้อโครงการคอนโด Celes Asoke คลิกเลย!

สรุปส่งท้าย

เป็นอย่างไรบ้างคะจากที่ได้อ่านไป จะเห็นได้เลยว่า 'ที่จอดรถอัตโนมัติ หรือ Automatic Parking System' นั้นจะเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้นิยมนำมาใช้กับคอนโดมิเนียมในช่วงนี้ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมในเมืองที่ไม่ได้มีพื้นที่มากพอในการทำที่จอดรถนั่นเองค่ะ และที่จอดแบบนี้ นอกจากจะช่วยในเรื่องของการประหยัดพื้นที่แล้ว ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ของโครงการให้ดูพรีเมียมและหรูหราได้

ในบทความนี้ เราได้สรุปข้อดี-ข้อเสีย และเปรียบเทียบความต่างระหว่างที่จอดรถแบบปกติและที่จอดรถอัตโนมัติมาให้แล้วนะคะ ซึ่งจะเห็นได้เลยว่าที่จอดรถแบบอัตโนมัติมีทั้งข้อดีและข้อเสียต่างกันออกไป ทั้งการประหยัดพื้นที่ ประหยัดเวลา แต่ก็มีข้อเสียเช่นไม่เหมาะกับรถบางรุ่นนั่นเองค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับบทความนี้ เราหวังว่าทุกคนจะชอบและได้ทิปส์ดี ๆ จากบทความนี้นะคะ ถ้ามีอะไรสงสัยหรืออยากรู้อะไรเพิ่มเติม สามารถพิมพ์คอมเมนต์มาได้เลยนะคะ เราจะไปหามาให้คุณทันทีเลยค่ะ เจอกับใหม่กับ PropertyScout นะคะ บายยย

ถ้าสนใจเช่า ซื้อ หรือขายอสังหาริมทรัพย์ดี ๆ ราคาไม่แพง ได้ห้องตรงปก
ติดต่อ PropertyScout ได้เลยค่ะ

ถ้าสนใจบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับลานจอดรถ อ่านตรงนี้ได้เลย!