‘ราขึ้นบ้าน’ ภัยร้ายทำลายสุขภาพ จัดการยังไงดี?

Author
by
At
March 24, 2023
‘ราขึ้นบ้าน’ ภัยร้ายทำลายสุขภาพ จัดการยังไงดี? ‘ราขึ้นบ้าน’ ภัยร้ายทำลายสุขภาพ จัดการยังไงดี?

สวัสดีครับ ในบทความไลฟสไตล์คราวนี้ PropertyScout ก็อยากจะชวนทุกคนมาคุยกันเรื่องของ 'เชื้อรา' ภายในบ้านกันนะครับ สำหรับเชื้อรานั้นก็คือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีอยู่ทั่วไปในอากาศ แต่จะสามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีปริมาณความชื้นสูง หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวกครับ โดยเฉพาะภายในบ้านที่มีลักษณะการออกแบบที่อากาศถ่ายเทได้ไม่ดี อย่างเช่นทาว์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียมก็ถือว่ามีโอกาสที่ราจะขึ้นได้มากกว่า และเชื้อราก็เป็นตัวทำลายสุขภาพและเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ อีกด้วย ดังนั้นหากเราพบวามีราขึ้นในบ้านก็ควรกำจัดทันที ในบทความนี้ก็ได้นำวิธีกำจัดเชื้อรามาฝากกันครับ

'ราขึ้นบ้าน' ภัยร้ายทำลายสุขภาพ จัดการยังไงดี?

สาเหตุที่ทำให้ราขึ้นภายในบ้านคืออะไร?

สาเหตุที่ทำให้ราขึ้นภายในบ้าน
สาเหตุที่ทำให้ราขึ้นภายในบ้าน

สาเหตุหลักที่ทำให้ราขึ้นบ้านก็คือ ความอับชื้นที่สะสมอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของบ้านนั้นเองครับ หากปล่อยทิ้งไว้ เชื้อราในบ้านก็จะแพร่กระจายและเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรือย ๆ สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยได้ครับ


อันตรายจากเชื้อรามีอะไรบ้าง?

ราขึ้นบ้าน-อันตรายจากเชื้อรา
อันตรายจากเชื้อรา

เชื้อราในบ้านสามารถผลิตสปอร์ฟุ้งกระจายออกไปในอากาศ และเมื่อสูดเข้าไปเป็นระยะเวลานาน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปริมาณที่มาก ๆ ก็จะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ตั้งแต่ คัดจมูก ระคายเคืองตา ปวดศีรษะ มีไข้ และสามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรงได้ครับ อย่างเช่น โรคปอดอักเสบ และโรคหอบหืด นอกจากนั้นผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้เชื้อรา หากได้สัมผัสเชื้อรา ไม่ว่าจะทางผิวหนังหรือการสูดดมก็ตาม จะทำให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ เช่น ผื่นแพ้ ตาอักเสบ เจ็บคอ น้ำมูกไหล เป็นต้นครับ


วิธีกำจัดเชื้อราภายในบ้าน

เมื่อราขึ้นบ้านแล้ว ก็ต้องกำจัดอย่างถูกวิธีครับ หากว่าเรากำจัดได้อย่างถูกวิธีก็จะไม่เกิดการฟุ้งกระจายภายในบ้านได้ ช่วยลดปริมาณเชื้อราและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ และยังทำให้บ้านดูสะอาดน่าอยู่ เราและรอบครัวก็จะมีสุขภาพที่ดีครับ วิธีกำจัดเชื้อราบนส่วนต่าง ๆ ภายในบ้าน สามารถทำได้ตามนี้เลย


ราขึ้นเฟอร์นิเจอร์ไม้

ราขึ้น-เฟอร์นิเจอร์ไม้
ราขึ้นเฟอร์นิเจอร์ไม้

ส่วนใหญ่เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นวัสดุจากไม้เนื้ออ่อน เมื่อมีความชื้น ก็เสี่ยงต่อการขึ้นราอยู่แล้วครับ ดังนั้นหากพบว่ามีเชื้อราควรนำมาล้างทำความสะอาดภายใน 1-2 วัน หลังจากล้างเอาราออกไปจนหมดแล้วให้ย้ายเฟอร์นิเจอร์ไปอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือที่ที่ได้รับแสงแดดส่องถึงประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วคอยดูว่ายังมีเชื้อราอยู่อีกหรือไม่ หากยังมี ให้นำกลับมาทำตามวิธีดังกล่าวซ้ำครับ


ราขึ้นเครื่องหนัง

เครื่องหนัง
เครื่องหนัง

หากพบเชื้อราบนเครื่องหนัง ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ รองเท้า กระเป๋า รวมไปถึงสิ่งของอื่น ๆ ที่ผลิตจากหนัง ควรใช้น้ำส้มสายชู 5-7% ชุบผ้าและเช็ดบริเวณที่เกิดเชื้อราให้สะอาดทุกซอกทุกมุมครับ ด้วยการที่น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด สามารถทำลายเชื้อราได้เป็นอย่างดี หลังจากใช้น้ำส้มสายชูเช็ดจนสะอาดหมดจดแล้วให้เช็ดด้วยน้ำสะอาด และปิดท้ายด้วยการลงน้ำยาเคลือบรักษาผิวของเครื่องหนัง เพื่อป้องกันการเปียกที่ก่อให้เกิดความชื้นครับ


ราขึ้นฝ้าเพดาน พรม และที่นอน

ราขึ้นฝ้าเพดาน พรม และที่นอน
ราขึ้นฝ้าเพดาน พรม และที่นอน

ฝ้าเพดาน พรม และที่นอน เป็นวัสดุที่มีความขรุขระ และมีรูพรุนขนาดเล็ก จึงทำให้ล้างเชื้อราที่อยู่ในรูออกได้ยาก การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ ควรนำไปทิ้งทันทีครับ เพราะถึงแม้ว่าจะสามารถกำจัดเชื้อราได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ผล 100% หากนำมาใช้งานต่อ ก็จะทำให้เกิดเชื้อรามากขึ้นและอาจกระจายตัวไปยังจุดต่าง ๆ ได้ครับ เพราะความชื้นในห้องเป็นส่วนที่ทำให้เชื้อราลุกลามได้กว้างขึ้นนั่นเอง


ราขึ้นผ้าม่าน ผ้าห่ม และเสื้อผ้า

ราขึ้นผ้าม่าน ผ้าห่ม และเสื้อผ้า
ราขึ้นผ้าม่าน ผ้าห่ม และเสื้อผ้า

วิธีกําจัดเชื้อราบนเสื้อผ้าหรือสิ่งของเครื่องใช้ประเภทผ้า เช่น ปลอกหมอน ม่าน และเครื่องนอนต่าง ๆ คือ ให้นำไปต้มในน้ำร้อนเดือด เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อรา จากนั้นนำมาซักและขยี้ให้สะอาดแล้วตากในที่ที่มีแสงแดด ทั้งนี้หากเสื้อผ้ามีเชื้อราขึ้นเป็นจำนวนมากจนเอาไม่อยู่ก็ควรนำไปทิ้งครับ ซึ่งเป็นวิธีกำจัดเชื้อราบนเสื้อที่ดีที่สุด และเพื่อป้องกันเชื้อราลุกลามไปยังจุดอื่น ๆ อีกด้วยครับ


ราขึ้นผนัง

ราขึ้นผนัง
ราขึ้นผนัง

สำหรับการกำจัดเชื้อราบนผนัง ควรขัดล้างหรือขูดสีผนังเดิมออกให้หมดก่อน จากนั้นทิ้งให้แห้ง 1-2 วัน จึงค่อยทาน้ำยาป้องกันเชื้อรา และทิ้งให้แห้งอย่างน้อย 3 ชั่วโมง โดยไม่ต้องล้างออก ขั้นตอนสุดท้าย คือ ทาสีลงบนผนังจำนวน 2-3 รอบ ทั้งนี้ไม่ควรทาสีหรือแล็กเกอร์ทับผนังที่มีเชื้อราโดยตรงนะครับ เพราะจะทำให้เชื้อรายังติดอยู่และไม่หายไปไหน


ราขึ้นวอลเปเปอร์

ราขึ้น-วอลเปเปอร์
ราขึ้นวอลเปเปอร์

วิธีจัดการกับราที่ขึ้นวอลเปเปอร์ ขั้นตอนแรกให้ลอกวอลเปเปอร์ของเก่าที่มีเชื้อราออกทั้งหมด เพราะหากทิ้งไว้ จะทำให้เชื้อราลามไปส่วนอื่น ๆ ได้ครับ จากนั้นตรวจสอบบริเวณผนังว่ามีรอยรั่วและร้าวหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณที่มีท่อน้ำ เพราะจะมีความชื้นสูงที่ทำให้มีโอกาสเกิดเชื้อราได้สูงขึ้นไปอีก เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ให้ทิ้งไว้จนผนังแห้งสนิท จากนั้นนำกรดซาลิไซลิดผสมกับแอลกอฮอล์ในอัตราส่วน 1 ต่อ 5 และนำผ้ามาชุบไปเช็ดจนกว่าจะแน่ใจว่าสะอาด แล้วรอให้แห้งและติดวอลเปเปอร์ใหม่ได้ (ในกรณีที่ีมีท่อน้ำรั่วให้ซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนนะครับ)


ราขึ้นวัสดุเนื้ออ่อน

ราขึ้นวัสดุเนื้ออ่อน
ราขึ้นวัสดุเนื้ออ่อน

สำหรับวัสดุเนื้ออ่อน เช่น หนังสือ พลาสติก เป็นต้น ไม่ควรใช้น้ำเช็ดทำความสะอาดลงบนวัสดุโดยตรง เพราะจะเป็นการเพิ่มความชื้นให้มากขึ้นไปกว่าเดิมครับ วิธีทำความสะอาดที่ถูกต้อง คือ ควรใช้สำลีหรือผ้าชุบฟอร์มาลีนหรือน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดให้พอหมาด จากนั้นนำไปวางไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทและมีแสงแดดส่องถึงครับ


ราขึ้นวัสดุเนื้อแข็ง

ราขึ้นวัสดุเนื้อแข็ง
ราขึ้นวัสดุเนื้อแข็ง

วัสดุเนื้อแข็ง อย่างเช่น กำแพง พื้นกระเบื้อง ฯลฯ ก็สามารถขึ้นราได้เหมือนกันครับ หากอยู่ในจุดที่มีความชื้นสูงอย่างเช่นห้องน้ำ เป็นต้น ขั้นตอนแรกของการกำจัดเชื้อราบนวัสดุเนื้อแข็งก็คือ ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นเชื้อรา โดยใช้น้ำสบู่ แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาขัดห้องน้ำมาผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1 ถ้วยต่อน้ำปริมาณ 3 ลิตร และขัดด้วยแปรงชนิดแข็งจนเชื้อราออกหมด จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จึงนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดอีกรอบ แล้วก็อย่าลืมตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อราหลงเหลืออยู่ครับ


สรุปส่งท้าย

PropertyScout หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ หลังจากที่ทำความสะอาดและกำจัดเชื้อราในบ้านหมดแล้ว ก็ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นจัด เพราะจะทำให้เกิดความชื้น มีโอกาสที่ราจะกลับมาขึ้นบ้านได้อีกครับ และหากเป็นไปได้ ในขณะที่ซักผ้า หรือต้มน้ำ ภายในบ้านก็ควรเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทนะครับ นอกจากการแก้ปัญหาเชื้อราด้วยวิธีต่าง ๆ ในบทความนี้แล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อราจะไม่กลับมาอีก ควรหมั่นสังเกตตามส่วนต่าง ๆ ของบ้านที่มีโอกาสเกิดความชื้น หากพบว่ามีความชื้นในห้องใดก็ตาม แนะนำให้เปิดประตูหรือหน้าต่างเป็นประจำเพื่อให้อากาศถ่ายเทและแสงแดดสามารถส่องเข้าถึง เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันปัญหาเชื้อราภายในบ้านได้แล้วครับ


อ่านบทความ รีวิวโครงการ อัปเดตข่าวเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ได้ที่ PropertyScout Blog

มีคำถาม ข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ หรือต้องการ เช่า ซื้อ ขาย สามารถคลิกตามด้านล่าง ทีมงานของเราพร้อมให้บริการ!


อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก