พจนานุกรม

การลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั้งที หากจะให้มีประสิทธิภาพต้องไม่ใช่แค่พิจารณาเพียงทำเลและสิ่งปลูกสร้างแค่นั้น แต่อีกสิ่งสำคัญที่นักลงทุนทุกคนควรพิจารณาร่วมด้วย คือ ‘ราคาประเมินที่ดิน’ เนื่องจากจะส่งผลต่อศักยภาพของทำเลและอสังหาริมทรัพย์ที่เราสนใจ ตลอดจนราคาซื้อขายในอนาคตได้อีกด้วย  สำหรับทุกคนที่กำลังวางแผนจะลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์อย่างบ้าน คอนโด และที่ดินเป็นครั้งแรก แต่ยังไม่เข้าใจในเรื่องของราคาประเมินที่ดิน หรือยังไม่รู้ช่องทางในการตรวจสอบราคาประเมินที่ดินที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ PropertyScout ได้นำข้อมูลดี ๆ ให้มาฝากทุกคน ‘การประเมินราคาที่ดิน’ คืออะไร? อย่างแรก อยากให้นักลงทุนทุกคนควรมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า จริง ๆ แล้ว ราคาประเมินที่ดินคืออะไรและมีความสำคัญอย่างไรบ้าง การประเมินราคาที่ดิน คือ การตีราคาของที่ดินแต่ละแปลง โดยมูลค่าของราคาประเมินนี้จะเปลี่ยนไปตามหลาย ๆ ปัจจัย อย่างเช่น ศักยภาพของที่ดินในอนาคต การพัฒนาที่ดินในรูปแบบต่าง ๆ อย่างการสร้างทางด่วน รถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สามารถส่งผลให้ที่ดินมีราคาซื้อขายสูงขึ้นได้ในอนาคตนั่นเอง ราคาประเมินที่ดิน มีความสำคัญอย่างไรบ้าง? ราคาประเมินที่ดินถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนอกจากจะเป็นประโยชน์ทั้งในเรื่องของการวางแผนซื้อขายในอนาคตแล้ว ยังส่งผลต่อการคำนวณค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ดังนี้…

เชื่อว่าสำหรับหลาย ๆ คนเมื่อซื้อบ้านอยู่ไปสักระยะแล้วนั้น ก็คงจะมีจำนวนสมาชิกเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีความจำเป็นในการขยายพื้นที่ใช้สอย จนในที่สุดต้องมีการต่อเติม หรือขยับขยายให้มีพื้นที่รองรับกับความต้องการในการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ‘การต่อเติมบ้าน’ ไม่ว่าจะเป็นบ้านจัดสรร บ้านเดี่ยว หรือบ้านรูปแบบใด ๆ ก็ตาม ก็จะต้องมีการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย บทความนี้ PropertyScout จะขออธิบายให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของกฎหมายต่อเติมบ้าน ว่าทำไมการต่อเติมบ้านถึงต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง ทำไมถึงต้องขออนุญาตก่อนต่อเติมบ้าน? เพราะว่าการต่อเติมบ้าน สามารถกลายเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นได้เช่นกันครับ รวมไปถึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของทั้งตัวเรา และเพื่อนบ้านด้วย ต้องคำนึงถึงหลักการก่อสร้างที่ถูกต้องตามหลักการก่อสร้างและกฎหมาย รวมถึงความปลอดภัยทั้งตัวผู้พักอาศัย และเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งหลาย ๆ ครั้งที่การต่อเติมบ้านกลายเป็นปัญหาใหญ่ บางคนก็ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน บางคนก็โดนปรับ และต้องรื้อถอน เพราะต่อเติมบ้านผิดกฎหมาย ดังนั้นก่อนจะต่อเติมบ้านมาดูกันว่าการต่อเติมบ้านแบบไหนที่ต้องขออนุญาต รวมถึงการต่อเติมบ้านอย่างไรให้ถูกกฎหมาย และไม่มีปัญหากับเพื่อนบ้านตามมาครับ ทำความเข้าใจ ‘ต่อเติมบ้าน’ ต่างจาก ‘ซ่อมแซมบ้าน’ อย่างไร? ต่อมาอยากชวนให้ทำความเข้าใจกันว่า การต่อเติมบ้าน คือ การดัดแปลงบ้านด้วยวิธีเปลี่ยนแปลง ต่อเติม เพิ่ม ลด หรือขยายซึ่งลักษณะ…

สวัสดีครับ คงเป็นที่เข้าใจกันดีกว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเวลาหรือช่องทางสื่อสารมากพอที่จะช่วยให้ขายอสังหาริมทรัพย์สำเร็จได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น ‘นายหน้าอสังหา ฯ’ จึงเป็นผู้ที่มีบทบาทในการช่วยจัดการ ซื้อ- ขาย หรือหาผู้เช่าแทนเจ้าของบ้าน โดยจะคิดค่านายหน้าที่มีลักษณะเป็นแบบคอมมิชชั่น ในบทความนี้ PropertyScout จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการจ้างนายหน้า รวมไปถึงวิธีคำนวณค่านายหน้าว่าจะต้องคำนวณจากราคาขายอย่างไร ‘นายหน้าอสังหาริมทรัพย์’ คือใคร? นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ คือ อาชีพหนึ่งในวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยมีหน้าที่เป็นตัวแทนให้กับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในการนำทรัพย์สินทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโด หรือ ที่ดิน ก็ตามไปเสนอขายหรือปล่อยเช่าให้กับผู้ที่สนใจ หากว่านายหน้าสามารถทำการการซื้อ-ขาย หรือปล่อยเช่าได้สำเร็จ เจ้าของบ้านก็ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับนายหน้าตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ครับ แต่งานของนายหน้าไม่ได้มีเพียงแค่การช่วยฝ่ายเจ้าของทรัพย์เพียงแบบเดียวเท่านั้น เพราะว่านายหน้าจะช่วยค้นหาและอำนวยความสะดวกในการซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ให้ตรงตามความต้องการของผู้ซื้อหรือผู้เช่าอีกด้วยครับ ประโยชน์ของการจ้างนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ การจ้างนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ไม่ต้องหาช่องทางทำการตลาด ไม่ต้องเสียค่าโฆษณา ไม่ต้องเจรจาอธิบายและต่อรองกับผู้ซื้อ/ผู้เช่าด้วยตัวเอง ไม่ต้องจัดการร่างสัญญา และในบางกรณีอาจจะไม่ต้องแม้กระทั่งการโอนกรรมสิทธิ์หรือส่ง/รับมอบอสังหา ฯ เองอีกด้วย เพราะเราสามารถมอบอำนาจให้นายหน้าดำเนินการแทนได้ ซึ่งก็จะทำให้เรามีเวลาให้กับงาน หรือนำเวลาไปให้กับชีวิตส่วนตัวได้มากขึ้นครับ การคิดค่าคอมมิชชั่นให้นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ค่าคอมมิชชั่นที่ต้องจ่ายให้กับนายหน้า มีลักษณะแบบไหน? ผู้ว่าจ้างจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้นายหน้าก็ต่อเมื่อการซื้อ-ขาย หรือเช่าอสังหาริมทรัพย์เสร็จสิ้นครับ ดังนั้นหากผู้ว่าจ้างเดินทางไปโอนกรรมสิทธิ์ หรือส่ง/รับมอบอสังหา…

สำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อการลงทุนก็ตาม ก็จะต้องศึกษาหาข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ให้ดี ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกับมูลค่าอสังหา ฯ ตลอดจนรูปแบบของการลงทุน อย่างเช่น เพื่อซื้อมา-ขายไป , ขายใบจอง , ปล่อยเช่าระยะสั้น , ปล่อยเช่าระยะยาว ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะต้องใช้องค์ความรู้ที่แตกต่างกันไปครับ และอย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า อสังหาริมทรัพย์สำหรับการพักอาศัยนั้นก็สามารถแบ่งออกเป็นอีกสองรูปแบบซึ่งก็คือ ‘ที่อยู่อาศัยแบบแนวดิ่ง’ และ ‘แนวราบ’ ซึ่งในบทความนี้ PropertyScout จะพาทุกคนไปเจาะรายละเอียดเกี่ยวกับ ‘บ้านแนวราบ’ ที่ได้กลายเป็นอีกเทรนด์การลงทุนที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้ซื้อและนักลงทุน พร้อมเหตุผลว่าทำไมบ้านแนวราบถึงน่าลงทุน! บ้านแนวราบคืออะไร? อย่างแรกมาเริ่มด้วยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับบ้านแนวราบกันก่อน บ้านแนวราบ คือ อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยที่ถูกก่อสร้างขึ้นบน ‘ที่ดินที่ได้รับการจัดสรร’ โดยบ้านแต่ละหลังจะมีเจ้าบ้านหรือผู้ถือกรรมสิทธิ์เพียงคนเดียวในที่ดินแปลงนั้น สำหรับบ้านที่เป็นลักษณะแนวราบก็จะมี บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ และทาวน์โฮม สำหรับรายละเอียดของบ้านแต่ละแบบก็จะมีความแตกต่างกันดังนี้ครับ บ้านแนวราบรูปแบบต่าง ๆ บ้านเดี่ยว เป็นบ้านแนวราบแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ลักษณะของบ้านเดี่ยวก็คือ ตั้งอยู่เดี่ยว ๆ บนเนื้อที่กว้างขวาง มีรั้วแบ่งอาณาเขตล้อมรอบโดยชัดเจน…

คงเป็นคำถามที่อยู่ในใจของคนที่กำลังสนใจหรือกำลังอยู่อาศัยในคอนโดทุกคนว่า กรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อที่จะได้จากคอนโดนั้นคืออะไร? ซื้อคอนโดแล้วมีสิทธิ์ในที่ดินด้วยหรือไม่? หรือเป็นแค่เจ้าของพื้นที่ในอากาศ? ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อบ้านและคอนโด การทำความเข้าใจเรื่อง ‘สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของคอนโด’ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ในบทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจประเด็นสำคัญของสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของคอนโดที่ควรรู้กันครับ ใบ อ.ช. 2 ‘กรรมสิทธิ์ห้องชุด’ ที่ได้มาตอนซื้อคอนโด โดยปกติแล้วเมื่อซื้อบ้านหรือที่ดินจะต้องมีการโอนกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของมาให้กับเรา โดยเราจะได้โฉนดมาเป็นหลักฐานการถือครองกรรมสิทธิ์ แต่สำหรับการซื้อคอนโดเราก็จะได้ ‘หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด’ หรือ ‘ใบ อ.ช. 2’ มาแทน ซึ่งจะไม่ได้ระบุว่าเราเป็น ‘เจ้าของ’ เหมือนในโฉนดบ้านและที่ดิน แต่จะระบุว่าเป็น ‘เจ้าของร่วม’ เนื่องจากคอนโดเป็นอสังหาริมทรัพย์รูปแบบอาคารชุดที่มีพื้นที่ส่วนกลางที่ผู้อยู่อาศัยทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึง โดยลูกบ้านทุกคนจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการชำระค่าส่วนกลาง และโครงการคอนโดทุกแห่งจะต้องมีการทำประกันวินาศภัยเอาไว้ หากเกิดเหตุไฟไหม้ หรือมีความเสียหายเกิดขึ้น ลูกบ้านก็จะต้องได้รับการชดเชยด้วยครับ สนใจอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก ‘โฉนดที่ดิน’ ไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของบ้านเสมอไป ‘โฉนดที่ดิน’ ถือว่าเป็นเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์เฉพาะที่ดิน ส่วนอาคารปลูกสร้างบนที่ดินจะเป็นกรรมสิทธิ์ของใครก็ต้องพิจารณาเป็นอีกกรณีหนึ่งครับ แต่สำหรับการมีคอนโดซึ่งเป็นหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด จะเป็นเอกสารแสดงสิทธิ์ว่าเรา มีกรรมสิทธิ์ทั้งในห้องชุดและในทรัพย์ส่วนกลาง ตามที่มีอยู่ในอาคารชุดนั้นด้วย ซึ่งการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์คอนโด จะไม่มีกำหนดระยะเวลา จนกว่าเราจะขายต่อ หรือหากในกรณีที่มีการรื้อถอนอาคารชุดเนื่องจากครบกำหนดสัญญาเช่าที่ดินที่สร้างคอนโด…

อย่างที่ทราบกันดีว่าตั้งแต่มีการออกกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่เมื่อปี 2562 มาแทนที่กฎหมายภาษีโรงเรือนและที่ดินของเดิม และก็ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีมาตั้งแต่ปี 2563 เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเจ้าของที่ดิน ผู้ถือครองอสังหา ฯ หลายคนก็คงเหนื่อยใจกัน เพราะต้องเสียภาษีมากขึ้น ยิ่งใครที่ถือที่ดินเปล่า ๆ ยิ่งมีอัตราภาษีสูงลิบลิ่ว ส่วนคนที่มีบ้าน มีคอนโดหลายแห่งก็คงปาดเหงื่อตามกันไป ดังนั้นในบทความนี้ PropertyScout จะมาแนะนำวิธีการจัดการเรื่องภาษีที่ดิน ทำอย่างไรให้เสียน้อยที่สุด ตามมาดูกันครับ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคืออะไร? ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คือ กฎหมายใหม่ที่มาแทนกฎหมายเดิม ซึ่งก็คือ ‘ภาษีโรงเรือนและที่ดิน’ และ ‘กฎหมายว่าด้วยภาษีบํารุงท้องที่’ นั่นเองครับ โดยกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่นี้มีจุดประสงค์ในการช่วยลดความเลื่อมล้ำ และเพิ่มการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นผู้จัดเก็บภาษีโดยมีรัฐบาลเป็นผู้ดูแล ซึ่งการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับ อปท. นำไปใช้เป็นเงินสำรองสำหรับพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางสำหรับชุมชน ให้มีบริการที่ทกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ในระยะยาว มีคุณภาพการใช้งานที่ดีขึ้นครับ นอกจากนั้นการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างยังสามารถลดจำนวนการถือครองที่ดินเพื่อการเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย  ที่ดินแต่ละประเภทต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ในทางกฎหมายกำหนดให้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแต่ละประเภทต้องเสียภาษีตามลักษณะของการใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน ดังนี้ครับ ที่ดินเกษตรกรรม  หากเป็นที่ดินที่ใช้ประโยชน์ในการทำเกษตรกรรม จะต้องเสียภาษีในอัตราตั้งแต่ 0.01-0.1% โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ…

เชื่อว่าหลายคนเมื่อเจอบ้านที่ถูกอกถูกใจ ก็คงจะต้องซื้อ และหากว่าสตางค์พร้อมก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ขั้นตอนที่หลายคนคิดว่ามีความยุ่งยาก ก็คือเรื่องของการเตรียมเอกสารและกระบวนการทำสัญญาต่าง ๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ได้ยุ่งยากขนาดนั้น แล้วก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเพราะว่าเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างสองฝ่าย เช่นการเบี้ยวนัด หรือการโอนเงินไม่ครบจำนวน เป็นต้น ในบทความนี้ PropertyScout จะแนะนำ 6 ทิปส์ตรวจเช็คประเด็นสำคัญในหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายให้ทุกคนได้มีเอกสารที่ดีอยู่ในมือของเราครับ หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย คืออะไร? สัญญาจะซื้อขาย – คือสัญญาที่แสดงถึงข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายว่าต้องการโอนกรรมสิทธิ์ของทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดก็ตาม ให้แก่กันตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ชอบธรรม ป้องกันไม่ให้ผู้ขายนำทรัพย์สินนี้ไปขายผู้อื่น และในทางกลับกันก็ป้องกันไม่ให้ผู้ซื้อผิดสัญญาที่จะซื้อทรัพย์สินจากผู้ขาย และจะต้องจ่ายเงินให้ครบตามที่ตกลงกันไว้ครับ สัญญาฉบับนี้จะทำในขั้นตอนการจับจอง หรือตอนบ้านและคอนโดสร้างเสร็จแล้ว ซึ่งผู้จะซื้อและผู้จะขายสามารถร่างสัญญาจะซื้อจะขายกันเองได้ เพียงแต่จะต้องระบุเงื่อนไขที่เป็นข้อตกลงร่วมกันอย่างครบถ้วน และปิดท้ายด้วยการลงลายเซ็นต์ของทั้ง 2 ฝ่าย เพียงแค่นี้ก็เป็นอันใช้ได้ครับ เดี๋ยวเราไปดูกันต่อครับ ว่าประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ต้องมีในเอกสารสัญญาฉบับนี้ มีอะไรบ้าง รายละเอียดของอสังหาริมทรัพย์ที่ตกลงจะซื้อขาย  อย่างแรกเลย ในสัญญาจะซื้อจะขายต้องมีการระบุรายละเอียดของอสังหาริมทรัพย์ที่จะซื้อขายให้ชัดเจนและครบถ้วน ทั้งเรื่องของประเภทอสังหา ฯ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโด ตลอดจนขนาดของที่ดินว่าเนื้อที่กี่ตารางวา มีสิ่งปลูกสร้างและอุปกรณ์อะไรที่อยู่ในนั้นบ้าง…

สวัสดีครับ แน่นอนว่าในโครงการคอนโดระดับหรูนั้นก็จะต้องมีการออกแบบในทุก ๆ ส่วนมาอยางดี ไม่ว่าจะเป็นในยูนิตพักอาศัย หรือการออกแบบในพื้นที่ส่วนกลางที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นอกจากนั้นโครงการหรูบางโครงการยังมีบริการพิเศษอย่างเช่น บริการดูแลสุขภาพโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ , ฟิตเนสเทรนเนอร์ส่วนตัว , และอื่น ๆ สำหรับการใช้บริการพิเศษต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้น ลูกบ้านผู้อยู่อาศัยสามารถติดต่อผ่าน ‘Concierge Service’ อีกหนึ่งบริการสุดหรูในคอนโดที่ PropertyScout จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในบทความนี้ครับ ‘Concierge Service’ คืออะไร? Concierge Service เป็นบริการที่คุ้นเคยอย่างดี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่นิยมใช้บริการโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวครับ โดยจะมาในลักษณะของผู้ช่วยพิเศษที่จะช่วยการจัดการหรือดำเนินการกิจธุระสำคัญต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้การพักอาศัยได้รับความสะดวกสบายสูงสุด เมื่อมีตามโรงแรมระดับ 5 ดาวแล้ว ดีเวลลอปเปอร์บ้านเรานั้นก็ต้องการท้าทายและสร้างความแตกต่างที่ดีกว่าเดิม เพื่อเติมเต็มความสะดวกสบายของชาวคอนโด เลยได้นำเอาบริการ Concierge ของโรงแรมเข้ามาเพิ่มเป็นหนึ่งในการบริการที่เพิ่มแรงดึงดูดที่มีประสิทธิภาพไม่น้อยครับ หน้าที่ของ Concierge โดยส่วนมากเป็นการดำเนินการจัดการทั่วไป ตามที่ได้รับมอบหมายจากลูกบ้านผู้พักอาศัยครับ เช่นบริการติดต่อสำรองร้านอาหาร , ตั๋วเครื่องบิน ,…

สวัสดีครับ เชื่อว่าชาวคอนโดคงจะคุ้นชินกันดีกับการที่ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ของทุกปี ทางโครงการคอนโดมักจะเรียกให้ผู้อยู่อาศัยทุกห้องมาร่วมประชุม หรือที่เรียกกันว่า ‘การประชุมใหญ่เจ้าของร่วม’ หลายคนคงสงสัยว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? ในขณะเดียวกันก็เชื่อว่าหลายคนคงรูู้สึกขี้เกียจ หรือสังสัยว่าหากไม่เข้าร่วมการประชุมนี้ จะส่งผลเสียอะไรไหม? หรือจะทำให้เราเสียสิทธิอะไรในคอนโดหรือป่าว? ในบทความนี้ PropertyScout จะพาทุกคนไปหาคำตอบกันครับ ‘การประชุมใหญ่เจ้าของร่วม’ คืออะไร การประชุมเจ้าของร่วม หรือ ที่เรียกกันแบบง่าย ๆ ว่า ‘ประชุมคอนโด’ เป็นการประชุมที่ทางนิติบุคคลโครงการคอนโดจัดขึ้นเพื่อให้ ‘เจ้าของร่วม’ หรือผู้มีกรรมสิทธิร่วมกันในอาคารชุด รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด มาร่วมประชุมกันเพื่อให้ทราบถึงระเบียบข้อบังคับ และงบประมาณส่วนกลาง ซึ่งหากว่าทางนิติบุคคลมีแผนการปรับปรุงใด ๆ ก็ตาม ก็จะนำเสนอให้กับจ้าของร่วมภายในที่ประชุมครับ ทำความรู้จักการประชุมคอนโด 3 ประเภท สำหรับการประชุมคอนโดในแต่ละโครงการนั้นจะมีอยู่ทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกันก็คือ ‘การประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1’ , ‘การประชุมใหญ่สามัญประจำปี’ และ ‘การประชุมใหญ่วิสามัญ’ โดยมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้ครับ ‘การประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1’ เป็นการประชุมที่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างข้อตกลง กฏกติกา และมารยาทในการอยู่ร่วมกันของเจ้าของร่วม…

การซื้อบ้านสักหลัง คอนโดสักห้อง ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ เพราะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และก็เชื่อว่าทุกคนย่อมคาดหวังให้บ้านหรือคอนโดที่ซื้อไปนั้นเป็นสถานที่สำหรับอยู่อาศัยที่ สุขสบาย ปลอดภัย ไร้ความกังวล สำหรับตัวเอง ครอบครัว และคนรัก แต่ในบางครั้งเมื่ออยู่ไปอยู่มากลับต้องเจอ ‘ตำหนิ’ บนโครงสร้าง หรือ ส่วนประกอบอื่น ๆ หรือเลวร้ายกว่านั้นก็คือเกิดการพังเสียหาย ทั้งที่อยู่มาได้ไม่นาน สำหรับกรณีเหล่านี้ไม่ต้องวิตกกังวลนะครับ เพราะเราในฐานะผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องรับภาระในการซ่อมแซมแต่เพียงผู้เดียวครับ เพราะทางกฎหมายได้กำหนดให้ทุกโครงการต้องมีการรับประกันกับผู้ซื้อ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดก็ตาม เดี๋ยว PropertyScout จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า ประกันบ้าน ประกันคอนโดเป็นอย่างไร? รับประกันนานเท่าไหร่? และคุ้มครองในส่วนไหนบ้าง? กฎหมายเกี่ยวกับการประกันบ้านและคอนโด อย่างแรกอยากให้ทำความเข้าใจกันคือการรับประกันบ้านและคอนโดนั้นไม่ใช่เป็นของแถมจากโครงการแต่อย่างใด แต่มีกฎหมายควบคุมให้ผู้ประกอบการสร้างบ้านสร้างคอนโดขายต้องปฏิบัติตามครับ โดยกฎหมายที่เข้ามาควบคุมจะมีอยู่ทั้งหมด 2 ประเภทดังนี้ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ – ได้ระบุไว้ว่า ในกรณีที่ผู้ซื้อบ้านรับโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว ในระยะเวลาต่อมาพบตำหนิ ความชำรุดบกพร่อง หรือเกิดความเสียหาย ผู้ขายต้องรับผิดชอบครับ โดยผู้ซื้อสามารถฟ้องร้องให้ผู้ขายรับผิดชอบภายในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่พบเห็นความเสียหายดังกล่าว ในทางกลับกัน หากว่าในตอนซื้อ (ก่อนการรับโอนกรรมสิทธิ์) ผู้ซื้อได้รับรู้…