ทำไมใบปลอดหนี้ ถึงเป็นเอกสารสำคัญในการซื้อ-ขายคอนโด

Author
by
At
August 8, 2023
ทำไมใบปลอดหนี้ ถึงเป็นเอกสารสำคัญในการซื้อ-ขายคอนโด ทำไมใบปลอดหนี้ ถึงเป็นเอกสารสำคัญในการซื้อ-ขายคอนโด

เนื่องจากการอยู่อาศัยยุคใหม่ ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร ที่มี นิติบุคคลคอยจัดการดูแลทรัพย์สินส่วนกลาง ให้อยู่ในสภาพปกติเรียบร้อย และพร้อมใช้งานตลอดเวลา และเพื่อประโยชน์ของเจ้าของร่วมทุกคน ก็จะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลทรัพย์สินส่วนกลาง อย่างค่า รปภ. , ค่าน้ำ , ค่าไฟ , ค่าพื้นที่ส่วนกลาง , ค่าดูแลสวน , คลับเฮ้าส์ , สระว่ายน้ำ , ค่าจัดเก็บขยะ , ค่าบริหารจัดการและค่าใช้จ่ายจิปาถะทุกอย่างที่เกี่ยวกับส่วนกลางที่ไว้ใช้งานร่วมกัน และลูกบ้านทุกคนก็มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทุกเดือน โดยส่วนใหญ่แล้วจะให้จ่ายเป็นรายปี ตามขนาดพื้นที่ของที่อยู่อาศัยตนเอง

และเมื่อพูดถึง ใบปลอดหนี้ เชื่อว่ายังมีหลายคนที่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับคำนี้ และไม่รู้ว่าอะไรคือใบปลอดหนี้? และมีรายละเอียดเกี่ยวกับอะไรบ้าง? ลองมาทำความรู้จักกับเอกสารฉบับนี้กัน เพราะถือว่ามีความสำคัญมากทั้งสำหรับผู้ขาย และผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย


ใบปลอดหนี้ คืออะไร? การขายบ้าน-คอนโด ต้องใช้ใบปลอดหนี้ไหม?

ใบปลอดหนี้-คืออะไร-การขายบ้าน-คอนโด-ต้องใช้ใบปลอดหนี้ไหม

ใบปลอดหนี้ คือ เอกสารที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงินค่าส่วนกลางในการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมและหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งถ้าขาดเอกสารตัวนี้จะไม่สามารถทำธุรกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดินได้ หรืออธิบายให้เข้าใจโดยง่าย คือ ไม่สามารถเปลี่ยนมือได้นั่นเอง

กรณีบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรที่ไม่ได้มีนิติบุคคล ไม่มีการจ่ายค่าส่วนกลางอยู่แล้ว อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารนี้ ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายควรตรวจสอบก่อนไปทำธุรกรรมจริงที่กรมที่ดิน เพื่อไม่เสียเวลาในการวันนัดโอนกรรมสิทธิ์ ส่วนคอนโดมิเนียมทุกโครงการ ก็ล้วนต้องใช้เอกสารใบปลอดหนี้ทั้งสิ้น


ตัวอย่างเอกสารใบปลอดหนี้

ตัวอย่างเอกสารใบปลอดหนี้

ดาวน์โหลดแบบฟอร์มขอใบปลอดหนี้


ใครต้องเป็นคนขอใบปลอดหนี้?

เอกสารใบปลอดหนี้จะต้องขอโดยผู้ขายที่สำนักงานนิติบุคคล เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายค้างชำระ (ถ้ามี) ผู้ขายสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้ แต่ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนเพิ่ม 1 ใบ


เอกสารที่ต้องเตรียมหากต้องการขอใบปลอดหนี้

เอกสารที่ต้องเตรียม-หากต้องการขอใบปลอดหนี้
  • สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขาย และผู้ซื้อ
  • สำเนาบัตรประชาชนของผู้ขาย และผู้ซื้อ
  • สำเนาโฉนดหน้า-หลัง
  • สัญญาซื้อขาย
  • ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
  • หนังสือมอบอำนาจ (กรณีไม่ได้มาขอด้วยตัวเอง)
  • สำเนาบัตรประชาชน ผู้รับมอบอำนาจ (กรณีไม่ได้มาขอด้วยตัวเอง)

การขอใบปลอดหนี้ ใช้ระยะเวลานานแค่ไหน?

การขอใบปลอดหนี้-ใช้ระยะเวลานานแค่ไหน

หลังจากยื่นเอกสารคำร้องขอใบปลอดหนี้ สำนักงานนิติบุคคลจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ 7-15 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละนิติบุคคล) ผู้ขายต้องทราบกำหนดการและวางแผนดำเนินการล่วงหน้า

ทั้งนี้ ใบปลอดหนี้ เป็นเอกสารสำคัญที่จะต้องใช้ประกอบการทำธุรกรรมโดยมีอายุไม่เกิน 7-15 วัน (ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละนิติบุคคล) นับจากวันที่ระบุในเอกสาร หากขาดเอกสารตัวนี้ จะไม่สามารถทำธุรกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดินได้ นั่นเอง


ความสำคัญของใบปลอดหนี้

ความสำคัญ-ใบปลอดหนี้

อยากที่ทราบกันดีว่าหากใครละเลยไม่จ่ายค่าส่วนกลางก็จะมีค่าปรับตามแต่คณะกรรมการนิติบุคคลนั้น ๆ กำหนดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ต้องมีกรณีที่มีคนไม่จ่าย ถ้าไม่มีกฎอะไรบังคับ ต่อให้ประกาศว่าจะเก็บดอกเบี้ย คนที่ไม่อยากจ่าย ก็จะไม่จ่าย แม้ว่าแต่ละโครงการที่อยู่อาศัย อาจจะมีวิธีการจัดการ เช่น ไม่ให้สติ๊กเกอร์รถยนต์เข้าหมู่บ้าน หรือเข้าอาคาร แต่หลายครั้งก็จัดการได้ยาก

ดังนั้น ใบปลอดหนี้ จึงเป็นเอกสารที่จะทำให้ทุกคนระลึกว่ามีหน้าที่จ่ายค่าส่วนกลาง ถ้าเราไม่จ่ายก็มีผลทำให้เราขายทรัพย์นี้ออกได้ยาก หรือขายได้แต่สุดท้ายก็โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้

นอกจากนั้นถ้าเราละเลยค่าส่วนกลางไปเรื่อย ๆ นอกจากจะเป็นดินพอกหางหมูแล้ว ยังต้องเจอค่าปรับจำนวนมาก หากไม่จัดการค่าใช้จ่ายในส่วนนี้และเมื่อต้องการขายที่อยู่อาศัย นิติบุคคลจะไม่สามารถออกใบปลอดหนี้ให้ได้ และเจ้าหน้าที่กรมที่ดินมีสิทธิ์ระงับการโอนกรรมสิทธิ์นั้น ๆ ได้ด้วย

รายละเอียดค่าปรับค่าส่วนกลางและบทลงโทษในกรณีที่ไม่จ่ายค่าส่วนกลาง ในที่อยู่อาศัยแต่ละประเภท

คอนโด

  • อาจเรียกเก็บค่าปรับค่าส่วนกลาง 12-20% ของยอดที่ต้องชำระพร้อมดอกเบี้ย
  • ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในที่ประชุม
  • ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้
  • ถูกฟ้องร้องเพื่อบังคับให้ชำระหนี้

หมู่บ้านจัดสรร

  • สามารถถูกเรียกเก็บค่าปรับค่าส่วนกลาง 10-15% ของยอดที่ต้องชำระพร้อมดอกเบี้ย
  • สามารถถูกระงับการให้บริการพื้นที่ส่วนกลาง และสิ่งอำนวยความสะดวก
  • สามารถถูกอายัดไม่ให้จดทะเบียนสิทธิหรือทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับโครงการ รวมถึงการขายด้วย
  • สามารถถูกฟ้องร้องเพื่อบังคับให้ชำระหนี้

สรุปส่งท้าย

สำหรับคนที่จะซื้อที่อยู่อาศัยมือสองควร ตรวจสอบเรื่องใบปลอดหนี้ให้ดี เพื่อดูว่าเจ้าของทรัพย์สินนั้น จ่ายค่าส่วนกลางแล้วหรือไม่ หรือมีอะไรที่เป็นหนี้สินค้างคา เพราะถ้าจ่ายเงินมัดจำหรือวางเงินจองไปแล้ว เกิดกรณีโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ เพราะยังค้างหนี้ส่วนกลาง อาจจะเกิดความยุ่งยาก และสร้างปัญหาได้ ฉะนั้นควรตรวจสอบข้อมูลรอบด้านก่อนวางเงินซื้อที่อยู่อาศัย


สนใจซื้อบ้าน-คอนโด สวย ๆ กับ PropertyScout พร้อมใบปลอดหนี้ หมดห่วงเรื่องปัญหาวุ่นวาย

คลิกเลย