ทำความรู้จัก ‘ค่า FT’ ทำไมถึงกระทบค่าไฟ!
หลายคนคงจะทราบข่าวเรื่องค่า FT ที่ถูกปรับให้สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ค่าไฟขึ้นตามไปด้วยโดยปริยาย ในทางกลับกัน หากว่าค่า Ft ปรับลด ค่าไฟก็จะขยับลดลงไปด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟฟ้าของเราด้วยเช่นกัน แล้วค่า FT ดังกล่าว คืออะไรกันแน่? คำนวณจากอะไร? และมีความสำคัญอย่างไรบ้าง? ในบทความนี้ PropertyScout จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก ค่า FT กัน เพื่อจะได้เข้าใจว่ามีผลต่อค่าไฟที่เราเสียไปในแต่ละเดือนอย่างไรบ้าง
ทำความเข้าใจ 'บิลค่าไฟฟ้า 1 ใบ' ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
ค่าไฟที่ทุกคนจ่ายกันอยู่ทุกเดือนตามที่บิลค่าไฟระบุมานั้น หากสังเกตดูจะเห็นว่าประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ อยู่ด้วยกัน คือ
ข้อมูลทั่วไปของผู้ใช้ไฟฟ้า
ส่วนนี้จะระบุข้อมูลของผู้ใช้ไฟฟ้า ประกอบด้วย ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้า วันและเวลาที่วัดหน่วยไฟฟ้า และบอกว่าบิลนี้เป็นค่าไฟของเดือนไหน
ข้อมูลประวัติการใช้ไฟฟ้า
ส่วนถัดมาจะแสดงข้อมูลการใช้ไฟฟ้าว่าเลขที่วัดได้จากครั้งก่อน - หลังได้เท่าไหร่ จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่เราใช้ไปในเดือนนั้น ๆ เท่ากับเท่าไหร่
รายละเอียดค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บ
รายละเอียดค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บ ประกอบไปด้วยรายละเอียดปลีกย่อย ดังนี้
'ค่าพลังงานไฟฟ้า' หรือค่าไฟฟ้าฐาน เป็นต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ระบบสายส่ง สายจำหน่าย และค่าการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะคำนวณตามประเภทผู้ใช้งาน ดังนี้
- ประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย
- ประเภทที่ 2 กิจการขนาดเล็ก
- ประเภทที่ 3 กิจการขนาดกลาง
- ประเภทที่ 4 กิจการขนาดใหญ่
- ประเภทที่ 5 กิจการเฉพาะอย่าง
- ประเภทที่ 6 องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร
- ประเภทที่ 7 กิจการสูบน้ำเพื่อการเกษตร
- ประเภทที่ 8 ไฟฟ้าชั่วคราว
'ค่าบริการรายเดือน' ค่าใช้จ่ายในการจดหน่วยไฟฟ้า ค่าจัดทำและจัดส่งบิลค่าไฟฟ้า การรับชำระเงินค่าไฟฟ้า และงานบริการลูกค้า โดยมีการเรียกเก็บมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2543
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% - เรียกเก็บตามที่กฎหมายกำหนด
'ค่า FT' เป็นต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า เดี๋ยวเราไปดูกันต่อว่าค่า FT คืออะไร มีรายละเอียดที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง
ค่า FT คืออะไร?
ค่า FT ย่อมาจาก 'Fuel Adjustment Charge (at the given time)' เป็นต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดีเซล น้ำมันเตา ก๊าซธรรมชาติ หรือ ลิกไนต์ก็ตาม นอกจากนั้นยังรวมไปถึงค่าซื้อไฟฟ้าจากเอกชนหรือประเทศเพื่อนบ้าน และค่าใช้จ่ายที่การไฟฟ้าไม่สามารถควบคุมได้ และมีการปรับทุก ๆ 4 เดือน เพื่อสะท้อนให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้มองเห็นถึงความโปร่งใส และการเปลี่ยนแปลงของต้นทุน ซึ่งส่งผลให้ค่าไฟเกิดการขึ้น-ลงตามค่า FT นั่นเอง
ค่า FT จะมีการเก็บข้อมูลและปรับทุก 4 เดือน ซึ่งจะคำนวณจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเชื้อเพลิงที่นำมาใช้ผลิตไฟฟ้าและค่าความพร้อมจ่าย
- 'ค่าเชื้อเพลิง' เนื่องจากประเทศไทยต้องพึ่งพาอาศัยเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ จึงส่งผลให้ค่าเชื้อเพลิงที่นำเข้ามานั้นไม่คงที่ ทำให้เกิดการแปรผันตามสถานการณ์ สรุปง่าย ๆ ก็คือ ค่า FT จะเปลี่ยนแปลงมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับค่าเชื้อเพลิงนั่นเอง
- 'ค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment : AP)' เป็นค่าการสำรองไฟฟ้า โดยเกิดจากการคาดการณ์ว่าเราจะใช้ไฟฟ้ากี่เมกะวัตต์ (MW) คำนวณจากประวัติการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งเคยมียอดใช้สูงสุด (Peak) อยู่ที่ 24,050 MW แต่กำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศนั้นมีค่าความแตกต่างอยู่ 22,046 MW แต่โดยปกติแล้วการสำรองไฟฟ้าจะสำรองไว้มากกว่าความต้องการสูงสุดที่ 15% และการสำรองไฟฟ้าที่มากเกินไปแต่ไม่ได้ใช้จริงตรงนี้แหละคือค่าไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากการไม่ได้ใช้ไฟฟ้า (Take or Pay) ที่จะถูกเรียกเก็บมาในบิลค่าไฟด้วย ถึงแม้จะไม่มีการจ่ายไฟฟ้าจริงก็ตาม
สถานการณ์สมมติ
- บ้านหลังหนึ่งมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเยอะ จึงตัดสินใจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ แต่เมื่อติดไปแล้ว 3 เดิือน ค่าไฟกลับไม่ลดลง เลยสรุปได้ว่า ในช่วงที่ผ่านมาอยู่บ้านแค่ช่วงกลางคืน ทำให้ไม่ได้ใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์เลย ซึ่งในตอนแรกเป็นการคาดการณ์ว่าจะได้ใช้ แต่ถึงเวลาจริงกลับไม่ได้ใช้ ซึ่งบ้านหลังนั้นก็ได้จ่ายค่าติดแผงไปแล้วด้วย
ค่า FT มีความสำคัญอย่างไรบ้าง?
ค่า FT สามารถสะท้องถึงต้นทุนของเชื้อเพลิงตามสถานการณ์จริง ซึ่งจะมีการประกาศล่วงหน้าประมาณ 4 เดือน ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทราบก่อน และหลังจากนั้น 3 เดือน จะทำการดูตัวเลขของค่า FT เพื่อทบทวนพิจารณาการปรับเพิ่ม-ลดค่า FT ในรอบถัดไป โดยจะเป็นโปร่งใสเพราะมีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้กำกับดูแลตรวจสอบ
ดังนั้น ค่า FT จึงเป็นตัวปรับค่าไฟฟ้าขึ้น-ลง ตามค่าเชื้อเพลิงที่แปรผันตามสถานการณ์นั่นเอง เมื่อผู้ใช้ไฟฟ้าอย่างเรารู้ล่วงหน้าว่าจะมีการปรับค่า FT ในรอบ 4 เดือน ก็จะทำให้สามารถประเมินอัตราค่าไฟฟ้าได้ก่อนและวางแผนปรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่าได้เป็นอย่างดี
สรุปส่งท้าย
PropertyScout หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกคน อย่างไรก็ตาม ค่า FT มีโอกาสที่จะปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟขึ้นได้ แต่ทุกคนก็สามารถใช้พลังงานประหยัดไฟได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีประหยัดไฟต่าง ๆ เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยลดค่าไฟนั่นเอง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก