In Short
Advice
เชื่อว่าการใช้ชีวิตของแต่ละคนในยุคปัจจุบันนั้น เต็มไปด้วยเรื่องราวต่าง ๆ มีทั้งความเครียดที่เกิดจากปัญหาเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องเศรษฐกิจ ตลอดจนเรื่องส่วนตัวต่าง ๆ ทำให้หลายคนเลือกที่จะ เลี้ยงสัตว์ เหมือนเป็น เพื่อนคู่ใจ ในเวลาที่รู้สึกเหงาและท้อแท้ โดย สัตว์เลี้ยง ก็สามารถมอบความรักให้กับเราได้อย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย ซึ่งสำหรับการเลี้ยงสัตว์บนคอนโดนั้นคนส่วนมากก็จะนิยมเลี้ยง น้องหมา น้องแมว กันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ในบทความนี้ PropertyScout จะมาแนะนำ สัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ ให้ทุกคนได้รู้จักกัน มีตัวอะไรบ้างนะที่นิสัยน่ารัก เป็นมิตรกับคน เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่จำกัด ตามไปดูกันในบทความนี้ได้เลย

หนูแฮมสเตอร์

เป็นสัตว์ฟันแทะที่ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเรา สามารถหาซื้อได้ตามหลากหลายที่ มีราคาไม่แพง ซื้อมาเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกได้อย่างไม่ต้องลังเล เหตุผลที่ทำให้หลาย ๆ คนเลือกที่จะเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์ คงหนีไม่พ้นรูปร่างอ้วนกลม ขนาดเล็กน่ารัก มีนิสัยเฉพาะตัว และสีสันที่หลากหลาย รวมไปถึงหนูแฮมสเตอร์ยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใช้พื้นที่น้อย ไม่ส่งเสียงรบกวน อย่างน้อยก็มีแค่เสียง จี๊ด ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ เป็นระยะ เหมาะกับการเลี้ยงในห้องคอนโด
หนูแฮมสเตอร์มีนิสัยปราดเปรียว มักจะเก็บอาหารไว้ในกระพุ้งแก้ม นอกจากนี้กระพุ้งแก้มสำหรับแม่หนูแฮมสเตอร์ ยังเป็นที่หลบภัยลูก ๆ เมื่อรู้สึกถึงอันตราย รวมไปถึงหากอากาศร้อน หนูแฮมสเตอร์จะกินอาหารน้อยลง เพราะไม่จำเป็นต้องสะสมไขมันในร่างกาย และแน่นอนว่านิสัยกัดแทะเป็นส่วนหนึ่งของหนูแฮมสเตอร์ เหมือนกับสัตว์ฟันแทะชนิดอื่น ๆ เพราะว่าฟันของหนูแฮมสเตอร์จะยาวขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้กัดแทะหรือลับฟันให้สั้น อาจจะทำให้ปากได้รับบาดเจ็บได้
สำหรับสายพันธุ์ที่เชื่องที่สุดก็คือ 'ซีเรียน แฮมสเตอร์' ถือเป็นหนูแฮมสเตอร์ที่เชื่อง ผ่อนคลาย และเป็นมิตร เทียบกับสายพันธุ์อื่นเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นชิน รวมไปถึงขนาดตัวที่ใหญ่ ทำให้การดูแล หรือการจับทำได้ง่ายกว่าด้วย
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง
- แฮมสเตอร์อาจเบื่อและกัดกรงได้ ฉะนั้นเพื่อป้องกันพฤติกรรมเหล่านี้ ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบ้างเป็นครั้งคราว อย่างเช่น ตำแหน่งที่ตั้งกรง เพิ่มของเล่น หรืออื่น ๆ ยกเว้นกระบอกน้ำกับอาหาร
- ห้ามให้กินเปลือกและเมล็ดแอปเปิ้ล เมล็ดองุ่น กระเทียม หัวหอม มะเขือยาว ช็อกโกแลต ถั่วอัลมอนด์ ถั่วลิสง (ถั่วสองชนิดนี้ไม่เป็นพิษ แต่ทำให้น้ำหนักเกินได้)
- กรงเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์มีให้เลือกหลายรูปแบบ ถ้างบไม่มากนักก็ใช้กรงเหล็กหรือพลาสติกแบบธรรมดา ๆ แต่ถ้าอยากให้ดูแฟนซีกว่าเดิม จะเลือกใช้กรงแบบพลาสติกสำเร็จรูปที่มีท่อให้หนูวิ่งลัดเลาะไปมาพร้อมทั้งติดเครื่องเล่นพลาสติกเพิ่มเติมก็ได้
- ตั้งกรงไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ร้อน และไม่โดนแสงแดดส่องโดยตรง เพราะอาจะทำให้หนูร้อน และอาจจะโดนอบจนตายได้
เม่นแคระ

เม่นแคระเป็นสัตว์ตระกูลเม่นที่มีลักษณะคล้ายเม่น แต่มีขนาดตัวเท่ากับหนูตะเภา มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบยุโรป แอฟริกา และเอเชีย แต่บางสายพันธุ์ก็พบในนิวซีแลนด์ และได้มีการเพาะพันธุ์ทำให้เกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่อีกหลายชนิด ทำให้ในปัจจุบันมีทั้งสายพันธุ์ในแถบโซนร้อน และสายพันธุ์ชอบอยู่ในที่อากาศเย็น ๆ
เม่นแคระนี้มีหน้าตาละม้ายคล้ายหนู เพียงแต่มีขนที่แหลม หยาบหนา แต่ไม่แหลมเท่าเม่นปกติ คนสามารถอุ้มและลูบได้อย่างปลอดภัย นอกจากนั้นมีจมูกแหลมยื่นออกมาจากใบหน้า มีหนวดคล้าย ๆ กับน้องหมาน้องแมว เพียงแต่มีความหยาบกว่าเล็กน้อย แต่เจ้าเม่นแคระจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ตรงขนที่ลำตัว ส่วนของอุ้งเท้ามีเล็บเล็ก ๆ 5 เล็บด้วยกัน มีฟัน 2 ซี่ฟันด้านหน้าเหมือนนับสัตว์ฟันแทะชนิดอื่น ถ้าเม่นแคระมีสุขภาพดีจะมีแววตาสีดำเป็นประกายมันวาว ส่วนสีของขนนั้นจะมีตั้งแต่โทนสีดำ สีน้ำตาล แซมด้วยสีเหลืองอ่อนๆ ไปจนถึงสีขาวตาดำ และขาวตาแดงก็มีส่วนใหญ่ชอบกินแมลง และสัตว์เล็กๆ ที่อาศัยอยู่ตามเปลือกไม้ และใบไม้ เป็นอาหาร
นอกจากนั้นยังเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย มีนิสัยฉลากเฉลียว แต่เคลื่อนที่ช้า เวลาเคลื่อนย้ายไปไหนจะค่อย ๆ ไป มีท่าทางการเดินคล้ายกับหมู แต่ถ้าตกใจ หรือเจออันตรายขึ้นมาก็สามารถซอยเท้าถี่ยิบ หรือไม่ก็หยุดนิ่งแล้วนอนขดตัวเป็นลูกฟุตบอลจนกว่าจะแน่ใจว่าปลอดภัยจากภัยคุกคามถึงจะเริ่มคลายตัวและยืดตัวออกมา
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง
- สามารถให้อาหารสำเร็จรูปของน้องเม่นแคระ หนอนนกสด หนอนอบแห้ง จิ้งหรีด แต่ที่โปรดปรานจริง ๆ คือ หนอนนกสด
- สิ่งแวดล้อมควรแห้ง ความชื้นต่ำ และอบอุ่น และควรมีการระบายอากาศทีดี หากเม่นร้อนจะสังเกตได้จกการนอนแผ่พุง ส่วนฤดูหนาวจะเริมทำรังโดยโดยการคาบสิ่งของ หรือเศษขี้เลื่อยที่ปูรองพื้นกรงเข้าไปในบ้านจนพูนหรือเพื่อปิดบริเวณประตูบ้าน ในกรณีนี้ควรมีฮีทเตอร์ให้น้องเม่นเพื่อไม่ให้เกิดภาวะตัวเย็น หากปล่อยไว้นาน ๆ มีโอกาสเสียชีวิตได้
- อาบน้ำด้วยแชมพูสำหรับลูกสัตว์และใช้น้ำอุ่นเท่านั้น อาบเดือนละครั้ง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก
ชินชิลล่า

ชินชิลล่าเป็นสัตว์ฟันแทะที่มีลักษณะขนาดรูปร่างคล้ายหนูกับกระต่าย มีหูกางใหญ่ อุ้งเท้าออกแบบมาเพื่อการเดินบนแผ่นหิน มีหลากหลายสีสันเช่น สีเทา สีเทาอ่อน สีดำ หางยาวเป็นพวงคล้ายกระรอก ส่วนขนมีลักษณะแน่นและหนา เพื่อป้องกันตัวเองจากอากาศหนาวเย็นบนเทือกเขาสูง เพราะว่ามีถิ่นกำเนิดในเทือกเขา Andes ในแถบอเมริกาใต้ ประเทศอาเจนตินา โบลิเวีย ชิลี และเปรู
สำหรับนิสัยของชินชิลล่านั้นจะชอบแทะวัสดุไม้ มีนิสัยไม่ค่อยดุ ไม่กัด แต่ถ้าโกรธไม่คุ้นกลิ่นคนแปลกหน้าขึ้นมาจะชอบทำเสียงเห่าเบา ๆ ประมาณว่าขู่ให้กลัว อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ชิยชิลล่ามักชอบทำตัวขี้อ้อน ชอบให้เจ้าของอุ้ม ตอนกลางวันจะชอบไปนอนหลับตามมุมต่าง ๆ แต่ตกกลางคืนจะซนมาก นอกจากนั้นยังชอบเล่นวงล้อจักรขนาดใหญ่ 12 นิ้ว คล้ายกับหนูแฮมสเตอร์ด้วย เสน่ห์ของชิลล่าอีกอย่างก็คือ มีความฉลาดแสนซน ตอนอารมณ์ดีจะชอบกระโดดโลดเต้นไปมา ราวกับว่าเป็นนักกายกรรมแต่ขณะเดียวกันก็มีความสุภาพน่ารักกับคน
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง
- 'ความร้อน' เป็นอันตรายมากสำหรับชินชิลล่า เพราะเป็นสัตว์ที่ขนหนามาก ถ้าถูกแสงแดดตรง ๆเป็นเวลานานก็จะตายได้ ดังนั้นช่วงหน้าร้อนก็ควรระวังเป็นพิเศษ สำหรับการเลี้ยงในห้องคอนโด็จะต้อระวังไม่โดนแสงตรง ๆ ควรมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ควรติดฟิล์มกรองแสงแดดบริเวณกระจกหน้าต่าง
- ภายในห้องไม่ควรมีเฟอร์นิเจอร์ที่มีรูเยอะ ๆ หากว่าลูกชินชิลล่ามุดเข้าไปแล้วออกมายากมาก
- ห้ามให้อาหารสด นม ให้แต่หญ้ากับอาหารเม็ด ขนมที่ให้ได้ จำพวกลูกเกด วอลนัท ซีเรียล ห้ามอาหารที่มีน้ำมัน
กุ้งแคระ

กุ้งแคระเป็นอีกหนึ่งสัตว์เลี้ยงสวยงามที่ได้รับความนิยมในตอนนี้ บางสายพันธุ์มีหน้าตาเหมือนกุ้งฝอย สามารถพบทั่วไปในทวีปเอเชีย ตั้งแต่ประเทศจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม รวมไปถึงประเทศไทย กุ้งแคระแต่สายพันธุ์ แต่ละพื้นที่ก็จะมีสีสันและลวดลายแตกต่างกันไป เหมาะสำหรับคนที่ชอบสัตว์น้ำสวยงาม เพิ่มความมีสีสันให้กับห้องคอนโด ส่วนมากมักเลี้ยงเลี้ยงในตู้ไม้น้ำเพื่อให้กุ้งแคระกินพืชไม้น้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทำให้ไม่ต้องให้อาหารบ่อย และถ้าเลี้ยงให้อยู่เป็นฝูงก็จะทำให้ยิ่งมีสีสันที่สวยมากยิ่งขึ้นไปอีก เป็นสัตว์สวยงามที่มีการเลี้ยงดูง่าย นอกจากนั้นยังสามารถเลี้ยงในตู้เดียวกับปลาเพื่อช่วยรักษาความสะอาดของตู้ปลาได้อีกด้วย
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง
- ให้อาหารปลาหรืออาหารกุ้งก็ได้ แต่ต้องเป็นแบบที่มีคุณสมบัติจมน้ำ เพราะกุ้งแคระชอบอยู่บริเวณก้นตู้
- อย่าลืมตกแต่งตู้หรือหาบ้านสำหรับกุ้ง อย่างเช่นเปลือกไม้ หรือพลาสติกที่ทำเป็นกล่องสี่เหลี่ยมเพื่อให้กุ้งใช้หลบอาศัย หรือหาพรรณไม้น้ำชนิดต่าง ๆ มาปลูกในตู้สร้างบรรยากาศให้ดูเป็นธรรมชาติก็ยิ่งดี แถมกุ้งยังสามารถกินเป็นอาหารได้อีกด้วย
- อย่าลืมติดเครื่องทำออกซิเจน หรือเครื่องกรองน้ำขนาดเล็ก แต่ต้องเป็นแบบที่ไม่แรงเกินไปจนทำให้ตัวกุ้งปลิวหรือถูกดูดเข้าไป วิธีป้องกันง่าย ๆ คือ ใช้ฟองน้ำสำเร็จรูปติดไว้บริเวณท่อดูด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุดังกล่าว
- เปลี่ยนถ่ายน้ำทุก 1-2 สัปดาห์ โดยใช้วิธีดูดน้ำออกเพียงบางส่วนแล้วขัดตะไคร่บนกระจกออกให้ใสสะอาดก็เพียงพอแล้ว และไม่ควรถ่ายน้ำเก่าออกทั้งหมด หรือล้างกรวดหินจนสะอาดหมดจด เพราะทำให้คุณภาพน้ำเปลี่ยน ซึ่งอาจจะทำให้กุ้งปรับตัวไม่ทันเป็นได้
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก
ปลาทอง

'ปลาทอง' ปลาสวยงามที่รู้จักกันดี และมีความเชื่อว่าเป็นปลามงคล หากเลี้ยงแล้วจะช่วยเสริมฮวงจุ้ยด้านโชคลาภการเงิน มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน และปัจจุบันมีการเพาะพันธุ์จนมีมากกว่า 200 ชนิด ส่วนลักษณะก็จะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ จุดเด่นที่ทำให้ปลาทองแต่ละสายพันธุ์แตกต่างกันก็คือ ตา ลำตัว ครีบหลัง ครีบก้น และครีบหาง มีทั้งหางเดี่ยว หางเป็นพวง และหางคู่ นอกจากนั้นยังเป็นปลาที่มีนิสัยเป็นมิตรกับคน เมื่อมีคนเดินเข้าใกล้ ๆ ตู้เลี้ยงปลา หรือเอามือจุ่มน้ำก็จะว่ายเข้ามาหาใกล้ ๆ และยังเป็นมิตรกับปลาตัวอื่นภายในตู้ นิสัยไม่ดุร้าย อยู่รวมกันเป็นฝูง นิ่งเงียบ แต่ในบางครั้งก็ตกใจง่าย
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง
- ตู้ปลาขนาด 24 นิ้ว สามารถเลี้ยงปลาทองได้ไม่เกิน 3 ตัว ควรตั้งไว้ในที่ไม่อับแสง แต่ก็ไม่สว่างจ้าจนเกินไป และควรใช้ตาข่ายพรางแสงประมาณ 60% ปิดที่ปากตู้ปลา หรือใช้ตู้แบบมีฝาปิดด้านบน
- ควรมีพวกสาหร่ายหรือไม้น้ำอยู่ในภาชนะที่ใช้เลี้ยงด้วย ซึ่งจะช่วยลดความเครียด เป็นแหล่งอาหาร และเพิ่มจุลลินทรีย์ธรรมชาติ
- น้ำประปาที่ใช้เลี้ยงต้องไม่มีคลอรีน มีอุณหภูมิอยู่ที่ 28-35 องศาเซลเซียส และห้ามให้อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลงขึ้นลงบ่อย ๆ และเนื่องจากปลาทองชินกับสภาพน้ำที่มีออกซิเจนค่อนข้างเยอะ ดังนั้นในตู้หรออ่างเลี้ยงควรมีน้ำหมุนเวียนเบา ๆ เช่น น้ำพุ น้ำตก หรือปั๊มน้ำ ช่วยทำให้เกิดออกซิเจน และเพื่อสุขอนามัยที่ดีของปลาทอง ควรเปลี่ยนน้ำสัปดาห์ละครั้งสำหรับตู้ขนาดเล็ก ละ สองสัปดาห์ครั้งสำหรับตู้ขนาดใหญ่
- เมื่อซื้อปลาทองมาควรแช่ถุงใส่ปลาทองลงน้ำในตู้ก่อนเพื่อปรับอุณหภูมิ จากนั้นค่อยปล่อยปลาลงไป
- ให้อาหารปลาทองสำเร็จรูป วันละ 1-2 ครั้ง สามารถให้อาหารเสริม เช่น ลูกน้ำ หนองแดง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงได้ แต่การให้อาหารแต่ละครั้งห้ามให้เยอะจนเกินไปเพราะเสี่ยงอ้วน และตายได้
ปลาหางนกยูง

เป็นปลาสวยงามอีกชนิดอีกชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ มักพบได้ในแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่น หมู่เกาะแคริบเบียนและแถบลุ่มน้ำแอมะซอน ต่อมาได้มีการพัฒนาสายพันธุ์จนกลายเป็นปลาสวยงามน้ำจืดอีกหนึ่งชนิดที่คนนิยมเลี้ยง โดยได้รับความนิยมกันมานานมาก ๆ เนื่องจากเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย และมีความอึดมากกว่าปลาชนิดอื่น ๆ
ปลาหางนยูงเป็นปลาที่มีสีสันสวยงามหลายหลาย แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ โดยเฉพาะที่ส่วนหางจะมีความแตกต่างกันหลายรูปแบบ และเฉพาะปลาเพศผู้จะมีครีบหางยาวและสีสันดูเด่นสะดุดตา
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง
- น้ำที่ใช้เลี้ยงควรเป็นน้ำสะอาด ปราศจากคลอรีน และมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 19-25 องศาเซลเซียส
- ปลาหางนกยูงกินได้ทั้งพืชและสัตว์น้ำขนาดเล็ก เช่น ลูกน้ำ ไรแดง ไรทะเล รวมถึงอาหารปลาสำเร็จรูป หากเป็นอาหารสดควรนำมาทำความสะอาดก่อน โดยการแช่ในด่างทับทิมประมาณ 10-20 วินาที ก่อนนำไปให้ปลากินเป็นอาหาร และให้อาหารวันละ 2 ครั้ง คือ ตอนเช้ากับตอนเย็น หากปลานกยูงกินอาหารไม่หมดควรตักเศษอาหารที่เหลือทิ้งทันที เพื่อสุขอนามัยที่ดีของปลา
- ควรดูดน้ำก้นบ่อเอาเศษขยะ สิ่งกปรกต่าง ๆ ออก ทุกสัปดาห์ และให้เหลือน้ำเก่าประมาณครึ่งบ่อ จากนั้นจึงเติมน้ำใหม่ลงไป สาเหตุที่ไม่เทออกทั้งหมดก็เพื่อให้ปลาสามารถปรับตัวได้ทัน และในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนให้ล้างทำความสะอาดบ่อพร้อมกับเปลี่ยนน้ำใหม่
ปลากัด

ปลากัดเป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิด ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในประเทศไทย เป็นปลาสวยงามที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นทั้งในด้านสีสัน การเคลื่อนไหวของครีบและลำตัวที่ดูพริ้วไหวสง่างาม และโดยเฉพาะด้านพฤติกรรมของปลากัดตัวผู้ ที่มีการพองครีบและเกล็ดเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นปลาที่ที่เลี้ยงง่าย มีหลายราคา หลายสายพันธุ์ให้เลือก ซึ่งในบางสายพันธุ์นั้นก็จะมีหลายสีในตัว มองแล้วช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย สบายใจ แนะนำให้เลือกตัวที่มีสีสันสดใส ครีบและหางยาว เวลาถ่ายรูปแล้วดูสวยงาม อย่างปลากัดฮาล์ฟมูน ปลากัดคราวน์เทล ปลากัดดับเบิลเทล
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง
- น้ำที่ใช้เลี้ยงปลากัดควรเป็นน้ำสะอาด ปราศจากคลอรีน และมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 27-29 องศาเซลเซียส
- ห้ามวางตู้ปลากัดไว้ที่ที่มีแสงแดดส่องโดยตรง
- ห้ามเลี้ยงปลากัดร่วมกับปลาสวยงามอื่น ๆ เพราะปลากัดดุร้าย
- ควรมีพืชน้ำลงในขวดโหลเลี้ยงปลากัด เพื่อให้ปลาไม่เครียดจนเกินไป แต่ห้ามใส่ใช้หูกวางสดเพราะมียางที่เป็นอันตรายต่อปลา ถ้าจะใส่ให้ใส่แบบแห้งเท่านั้น
- ห้ามวางตู้ปลากัดไว้ที่ที่มีแสงแดดส่องโดยตรง
- ปลากัดชื่นชอบอาหารที่มีชีวิตเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นลูกน้ำ ไรแดง หนอนแดง แต่ถึงแม้ปลากัดจะชื่นชอบก็ต้องระวังเรื่องของความสะอาด ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงฝึกปลากัดให้กินอาหารสำเร็จรูปมากกว่า โดยปกติจะให้อาหารปลากัดวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและเย็น หรือบางครั้งอาจให้วันละ 1 ครั้งก็ได้ ปริมาณอาหารต่อตัวอยู่ที่ 2-3 เม็ด
เต่าบก

ปัจจุบัน Exotic Pet กลุ่มสัตว์เลื้ิอยคลานนั้นได้รับความนิยมกันมากขึ้น ด้วยเพราะสัตว์เลื้อยคลานหลาย ๆ ชนิดมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลในตัวเอง และที่สำคัญคือไม่ค่อยส่งเสียงร้อง หรือสร้างความวุ่นวายกับเจ้าของมากนัก อีกทั้งยังมีความสวยแปลกใหม่ไม่เหมือนใครอีกด้วย
สำหรับ 'เต่าบก' เป็นกลุ่มสัตว์เลื้อยคลานที่มีลักษณะพิเศษคือกระดองหนาแข็งและขาสั้นแข็งแรง ขึ้นชื่อเรื่องการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าและอายุขัยที่ยืนยาว และเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความโดดเด่นในเรื่องธรรมชาติของความบึกบึนและต้องการการดูแลที่ค่อนข้างเรียบง่าย มีถิ่นกำเนิดในแหล่งที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย รวมถึงป่า ทุ่งหญ้า ทะเลทราย และพื้นที่ชุ่มน้ำ และพบได้ในทุกทวีปยกเว้นแอนตาร์กติกา มีหลายชนิดให้เลือก ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ และมีลักษณะทางกายภาพและพฤติกรรมที่หลากหลาย โดยส่วนมากจะมีนิสัยที่เป็นมิตรกับคน มีความน่ารัก เดินต้วมเตียมไปมาแบบช้า ๆ เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบ Slow Life หรือไม่ชอบเลี้ยงสัตว์ที่วุ่นวาย
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง
- ก่อนเลี้ยงต้องรู้ว่าเต่าบกสายพันธุ์ที่สนใจจะเลี้ยงมีต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศไหน และมีสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร เพื่อที่จะจัดสภาพแวดล้อมในพื้นที่ของเราให้ใกล้เคียงกับแหล่งกำเนิด อย่างเช่น เต่าพันธุ์ซูคาตา หรือเต่าเดือยแอฟริกา มีถิ่นที่อยู่ในทะเลทรายกับทุ่งหญ้ากึ่งแห้งแล้ง จึงควรจัดพื้นที่ให้แห้ง
- สำหรับลูกเต่าบก หรือกำลังอยู่ในช่วงสองปีแรก ควรเลี้ยงในบ้านมากกว่านอกบ้าน เนื่องจากสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง และไม่ต้องกังวลว่าจะมีสัตว์อื่นมารบกวน และหลังจากผ่านสองปีแรกไปแล้วอาจจะเลี้ยงแบบ Outdoor บริเวณระเบียงคอนโดเพื่อให้เต่าของเราได้รับแสงธรรมชาติอย่างเพียงพอ
- ควรเลี้ยงในกระบะมากกว่าในตู้กระจก เพราะเต่าอาจจะไม่ชินกับสภาพแวดล้อม และเกิดการบาดเจ็บได้ ส่วนกกระบะที่ใช้ในการเลี้ยงเต่า ควรมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับสายพันธุ์ นอกจากนี้ควรมีพื้นที่ซ่อนตัวหรือหลบให้แก่เต่า เพื่อไม่ให้เต่าเกิดความเครียด
- ต้องมีชุดหลอดไฟ UVA UVB หรือหลอดที่ให้ความอบอุ่น เนื่องจากเต่าต้องอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม รวมถึงได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ หากเลี้ยงในห้องคอนโดแล้วไม่สามารถนำเต่าไปรับแสงอาทิตย์ได้อย่างเพียงพอก็ควรจะมีหลอดไฟแสงอาทิตย์เทียมจำพวกนี้สำรองไว้
- ให้เต่ากินหญ้าและพืชผักต่าง ๆ ที่มีไฟเบอร์สูงและมีโปรตีนต่ำ โดยให้ในอัตราส่วน 50% ร่วมกับการให้อาหารเม็ดสำหรับเต่าบกอีก 50%
กิ้งก่าคาร์เมลเลียน

อีกหนึ่งสัตว์ลื้อยคลาน Exotic ที่ได้รับความนิยม มีนิสัยที่เป็นมิตรกับคน หน้าตาก็ดูล้ายคล้ายกับลูกไดโนเสาร์ มีความน่ารักน่าเอ็นดูสำหรับกิ้งก่าคาร์เมลเลียนนั้นในปัจจุบันมีมากกว่า 150 ชนิดที่สามารถเลียงได้ โดยมากกว่าครึ่งนึงนั้นมาจากเกาะมาดากัสการ์ และที่เหลือพบในยุโรปตอนใต้ ฮาวาย และเอเชีย พบว่าแหล่งทีอยู่อาศัยของในธรรมชาติของแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว มีทั้งทะเลทรายร้อนระอุจนไปถึงทุ่งหญ้าบนภูเขา หรือในป่าดงดิบก็ยังมี ทำให้คาร์เมเลี่ยนแต่ละชนิดมีความต้องการพื้นฐานแตกต่างกัน
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง
- กรงเลี้ยงที่ดีควรจะสามารถรับแสงแดด หรือมีมีชุดหลอดไฟ UVA UVB ภายในกรง เพราะกิ้งก่าจะต้องอาบแดด เหมือนกับสัตว์เลื้อยคลานแทบจะทุกชนิดต้องการรังสีอุลตร้าไวโอเลท เพื่อใช้ในการสังเคราะห์แคลเซียม ซึ่งจะช่วยให้มีสุขภาพดี
- คาร์เมเลี่ยนไม่กินน้ำจากภาชนะ แต่จะกินจากทางหยดน้ำที่เกาะตามใบไม้ใบหญ้าเท่านั้น การให้น้ำกับคาร์เมเลี่ยนมี 2 วิธีคือ การสเปรย์น้ำ และการติดตั้งระบบน้ำภายในกรง การสเปรย์น้ำนิยมทำวันละ 2 ครั้ง ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัด แต่ไม่สามารถใช้ได้กับคาร์เมเลี่ยนชนิดที่ต้องการความชื้นสูง ดังนั้นอาจจะแก้ไขได้ด้วยวิธีง่าย ๆ โดยใช้ขวดหรือภาชนะอะไรก็ได้ที่สามารถใส่น้ำ วางไว้ด้านบนสูงกว่ากรงเลี้ยงแล้วต่อเป็นสายยางขนาดเล็กใส่วาล์วปรับให้น้ำค่อยๆหยดลงมาก็ทำได้เช่นกัน และต้องคอยเติมน้ำเมื่อน้ำหมด และยังเพิ่มความชื้นในกรงอีกด้วย
- กิ้งกาคาร์เมเลี่ยนแต่ละชนิดจะต้องการความชื้นไม่เท่ากัน โดยทั่วไปจะต้องการความชื้นประมาณ 50-90 % (Relative Humidity) ซึ่งความชื้นได้มาจาก การให้น้ำกิ้งก่านั้นเอง การสเปรย์น้ำหรือระบบน้ำภายในกรงจะเป็นตัวที่ช่วยเพิ่มความชื้นในกรงได้เป็นอย่างดี กรณีที่ต้องการความชื้นสูงสามารถเพิ่มได้โดยหาภาชนะใส่น้ำหรือถาดน้ำวางไว้ด้านล่างของกรง หรือจัดกรงเลียนแบบสถานที่ตามธรรมชาติ มีส่วนหนึ่งเป็นแอ่งน้ำแล้วใช้สายอากาศจากครื่องปั้มลมขนาดเล็กใส่ลงไปจะช่วยเพิ่มความชื้นในกรงให้สูงขึ้น หรือจะใช้มอสหรือหญ้าปกคลุมดินไว้อีกชั้นนึ้งก็ได้ ซึ่งการจัดสถานที่ให้เหมือนที่อยู่ตามธรรมชาติก็จะยิ่งทำให้กิ้งก่าชอบขึ้นไปอีก
- กิ้งก่าคาร์เมเลี่ยนกินอาหารจำพวกแมลง ได้แก่ จิ้งหรีด ตั้กแตน แมลงหวี่ แมลงวัน ผีเสื้อ รวมถึงพวกหนอนต่าง ๆ อย่างไรกํ็ตามควรเพิ่มคุณค่าทางอาหารโดยการให้ผักและผลไม้ที่มีประโยชน์ให้แมลงกินก่อนที่จะนำแมลงเหล่านี้ให้กิ้งก่ากิน สำหรับใครที่จะเลี้ยงแมลงเพื่อเป็นอาหารคาร์เมลเลียน แนะนำให้เลี้ยงบริเวณระเบียงคอนโด เพื่อสุขอนามัยที่ดีของตัวเรา หรือจะใช้อีกวิธีก็ได้ โดยการนำแมลงมาคลุกกับวิตามินและแคลเซียม มีขายทั่วไปตามร้านขายสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งวิธีนี้ก็จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้กับคาร์เมเลี่ยนได้เช่นกัน
- กรงที่เลี้ยงควรมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อให้มีการหมุนเวียนของอากาศภายในกรง
- คาเมลเลียนไม่ชอบเสียงดัง หากดอยู่ในที่เสียงดังจะทำให้เครียดได้
- ควรจัดอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสายพันธุ์ที่ต้องการจะเลี้ยง
สรุปส่งท้าย
ที่ได้แนะนำไปทั้งหมดในบทความนี้ก็คือ สัตว์เลี้ยงชนิดอื่น นอกเหนือจากสุนัขและแมว ที่สามารถ เลี้ยงในห้องคอนโดที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตามการเลี้ยงสัตว์นั้นก็ไม่ต่างจากการเลี้ยงลูก ซึ่งก็ควรรับผิดชอบให้ดี เพราะสัตว์เลี้ยงทุกชนิดต่างต้องการความรัก และความเอาใจใส่ หากปล่อยปละละเลย ก็จะทำให้สัตว์มีสุขภาพไม่ดี ตกอยู่ในภาวะเครียด และใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดไหนก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดแล้วพิจารณาให้รอบคอบก่อน และสิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ แต่ละโครงการคอนโด มีกฎระเบียบในการเลี้ยงสัตว์ที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมสอบถามข้อมูลให้แน่ชัดก่อนด้วย
อ่านบทความ Pet-Friendly Guide ทำเลรอบกรุงเทพ คลิก
สนใจ เช่า ซื้อ คอนโด Pet-Friendly กับ PropertyScout คลิกเลย
FAQs
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Suspendisse varius enim in eros elementum tristique.
Explore More Topics
Free real estate resources and tips on how to capitalise